‘ปธ.กมธ. ปปง.’ เผย 7 บริษัทเอกชนยื่นขอเลื่อนให้ข้อมูล คาดไม่เกิน 15 วัน เพราะเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่ ก.ล.ต.-ปปง. ร่วมขยายเส้นทางการเงินต่อ
30 ต.ค.2568 – นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ( กมธ.ปปง.) กล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการวันนี้ ว่า วันนี้เป็นการติดตามสแกมเมอร์ข้ามชาติ สืบเนื่องจากกระแสข่าวว่ามีเงินสีเทาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยผ่านบริษัทใหญ่ๆ ในประเทศไทย ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยวันนี้ได้มีการเชิญตลาดหลักทรัพย์และหน่วยงาน ปปง. เข้ามาตรวจสอบ 7 บริษัท แต่ปรากฏว่าทั้งหมด 7 บริษัทนั้นไม่สะดวกเดินทางมาที่กรรมมาธิการวันนี้ โดยวันนี้มีคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปปง. มาในที่ประชุมกรรมาธิการ ก็คิดว่าน่าจะสามารถพูดคุยในเรื่องของสถานการณ์ว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติที่นำเงินเทาเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ว่าสรุปแล้วตอนนี้มีจริงหรือไม่
นายดนุพร กล่าวต่อว่า ในส่วนของ7 บริษัทที่เราเชิญเข้ามาเป็น7 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด และได้รับการเชื่อถือในตลาดหลักทรัพย์ เพราะฉะนั้นเชื่อว่าในการขอเลื่อนเข้ามาให้ข้อมูลกรรมการครั้งนี้คาดว่าเต็มที่ก็น่าจะไม่เกินประมาณ 15 วัน และเราจะเปิดประชุมกรรมการอีกครั้งหนึ่งเมื่อบริษัทเอกชนพร้อมที่จะเข้ามาที่ประชุมกรรมาธิการ ส่วนของ ก.ล.ต. ยังไม่เคยมีการให้ข้อมูลมายังคณะกรรมาธิการ มีเพียงข้อมูลที่ถูกเปิดเผยตามสื่อต่าง ๆ ทางคณะกรรมาธิการก็ติดต่อขอข้อมูลไป ซึ่งในวันนี้ก็จะนำข้อมูลที่ได้มา มอบให้ ปปง. นำไปตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป เพราะการที่นำเงินสีเทาเข้ามาในประเทศไทย แน่นอนว่าคงจะต้องเข้ามาทางธนาคารแน่เพราะบริษัท หลักที่มาลงทุนคือบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ จึงคิดว่าไม่มีทางที่จะนำเงินสดลากมาเป็นกระสอบเอามาลงทุน เพียงแต่วันนี้ก็จะมาดูเส้นทางการเงินอีกครั้งว่าจะมีการยึดโยงอย่างไรบ้าง และเราก็มีข้อกังวลว่าเงินเทาเหล่านี้ที่มาลงทุนว่าจะมีหรือไม่ที่ มาจากสินบนเจ้าหน้าที่ และมาหล่อเลี้ยงข้าราชการต่อไป
นายดนุพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้กรรมาธิการ พบหลักฐานเส้นทางการเงินแล้ว ส่วนจะเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่หรือเป็นรายบุคคลนั้นตอนนี้ ข้อมูลพบเส้นทางการเงินจำนวนมากและมาหลายสาย เพียงแต่ตอนนี้ตนขออนุญาตจะไม่เปิดเผยเพราะว่ากลัวว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงและอาจทำให้บริษัทเหล่านี้เกิดความเสียหายได้ เพราะบริษัทเอกชนเหล่านี้เขาเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ เราต้องเชื่อใจเขาก่อนว่าเขาเป็นคนดี และหากข้อมูลเหล่านี้ไม่เป็นจริงก็อาจทำให้บริษัทเหล่านี้ไม่ได้รับความเชื่อถือจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพราะฉะนั้นตนขอให้ได้นำข้อมูลเหล่านี้ให้กับ ก.ล.ต. และปปง. ไปตรวจสอบก่อน
ที่มา:สำนักงานข่าว ไทยโพสต์
