จากกรณีวุฒิสภามีมติเสียงข้างมาก กรณีนางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ตามประมวลจริยธรรมของวุฒิสภาและกรรมาธิการ เนื่องจากเป็นการกระทำที่วางตัวไม่เป็นกลาง ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกี่ยวกับการประกอบอาชีพของบุคคล ให้เกียรติไม่เคารพสิทธิ์เสรีภาพส่วนบุคคล พร้อมส่ง ป.ป.ช.ดำเนินการ
จากกรณี สว.นันทนา กล่าวว่า “ดิฉันถูกโหวตออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมืองได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการ …”
ล่าสุด นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า กรณีวุฒิสภามีมติส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. สอบ สว.นันทนา ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ส่วนตัวมีความเห็นดังนี้
1. เห็นว่าข้อกล่าวหาของคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา เกินสมควรและไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำของ สว.นันทนา ข้อกล่าวหาของคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ไม่ควรเป็นความผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ทั้งจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ หรือจริยธรรมอันเป็นค่านิยมหลัก ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563
2. ในส่วน ข้อกล่าวหาเรื่องการด้อยค่า สว. ที่มีอาชีพขายหมูนั้น ส่วนตัวเห็นว่าควรเป็นความผิดตามมาตรฐานจริยธรรม ในส่วนที่ 4 ข้อ 31 “ต้องให้เกียรติและเคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของสมาชิก กรรมาธิการ และผู้อื่น ไม่แสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพ ใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลใด หรือนำเอาเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายหรือแสดงความเห็นในการประชุม” ในเรื่องนี้ มี สว. อิสระหลายคนได้อภิปรายสอดคล้องกันว่า การกล่าวถึง อาชีพขายหมู คือการพูดในข้อเท็จจริง จึงไม่เป็นการด้อยค่า หรือส่อเสียด
3. เรื่องนี้ ในทางสิทธิมนุษยชน จะให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อผู้เสียหายเป็นหลัก โดยการด้อยค่าหรือลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปรากฏในอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน (CAT) และ พรบ. การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 2565 มาตรา 6
“ผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐลงโทษหรือกระทำด้วยประการใดที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถูกลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์ หรือเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานแก่ร่างกายหรือจิตใจที่มิใช่การกระทำความผิดตามมาตรา 5 ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์”
อย่างไรก็ดี ทั้งอนุสัญญา และ พรบ. ทรมานอุ้มหาย ไม่ได้ระบุนิยาม “การลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานความเป็นมนุษย์” ไว้ เนื่องจากว่าผู้เสียหายแต่ละคนมีความเปราะบางต่างกัน บางคนอาจไม่คิดว่าคำพูดดังกล่าวเป็นไม่เป็นการด้อยค่า ในขณะที่ผู้เสียหายจำนวนไม่น้อยที่ต้องทุกข์ทรมานทางจิตใจอย่างมากกับคำพูดดังกล่าว กรณีความทุกข์ทรมานทางจิตใจ ศาลสิทธิมนุษยชนสหภาพยุโรป เคยวินิจฉัยว่า “ความทุกข์ทรมานทางจิตใจเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ” ซึ่งเรื่องนี้ ในรายงานลับของคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา ก็ได้กล่าวถึงผลกระทบทางจิตใจของผู้เสียหายว่า “มีความทุกข์ใจ น้ำหนักลดลง 7 กิโลกรัม มีภาวะน้ำตาลสะสมสูงอันเนื่องมาจากความเครียด อีกทั้งมักมีคนถามทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ..”
สรุป ความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ ไม่ควรเป็นความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ที่ต้องส่งให้ ป.ป.ช. สอบสวน แต่ควรเป็นความผิดในส่วนที่ 4 จริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ ตามข้อ 31 “ส่อเสียด” หรือลดทอนคุณค่า ด้อยค่า ซึ่งบทลงโทษจะเป็นไปตามมาตรา 43 วรรคหนึ่ง คือ “ในกรณีที่วุฒิสภาเห็นว่ามีหลักฐานและข้อเท็จจริงอันควรเชื่อได้ว่าสมาชิก หรือกรรมาธิการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้วุฒิสภามีมติ ว่ากล่าวตักเตือน หรือ ตำหนิ” ทั้งนี้ สว. นันทนาควรเยียวยาความเสียหายทางจิตใจ แก่ สว. ที่มีอาชีพขายหมู โดยการขอโทษ และรับประกันว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวจะไม่เกิดซ้ำ ซึ่งถือเป็นการเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจผู้เสียหายตามหลักการสิทธิมนุษยชน การที่วุฒิสภาเสียงข้างมากมีมติว่าขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงจึงไม่น่าจะได้สัดส่วนกับคำพูดและการกระทำของ สว. นันทนา และเรื่องนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การตั้งข้อกล่าวหาที่เกินจริง และไม่ได้สัดส่วน อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของวุฒิสภาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่มา:สำนักงานข่าว PPTV HD 36
