‘ซิน เคอ หยวน’ ฟ้อง ‘ศาลปกครองระยอง’ ขอเพิกถอนคำสั่ง ‘ปิดโรงงาน-ปลดอายัดเหล็ก’ ขอให้บังคับ ‘เอกนัฏ-พวก’ ชดใช้ค่าเสียหาย 3.2 พันล้าน พร้อมขอคืนสิทธิประโยชน์ ‘บีโอไอ‘
………………………………
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 ได้เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด มีศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา และส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย จนเป็นเหตุให้ตึกสำนักงานตรวจเงิน (สตง.) แห่งใหม่ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่มลงมา มียอดผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ราย โดยตึกดังกล่าว มีกิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี อันประกอบไปด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (มหาชน) และบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างฯ
อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ดังกล่าว นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในขณะนั้น ได้เปิดเผยในรายการ ‘เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ ไทยแลนด์’ ว่าเหล็กข้ออ้อยที่ใช้ในการก่อสร้างโครงการฯดังกล่าว ซึ่งมีสัญลักษณ์ ‘SKY’ ที่บ่งบอกชื่อบริษัทผู้ผลิต คือ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด นั้น เป็นเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเคยสั่งปิดโรงงานเหล็กของบริษัท ซิน เคอ หยวนฯ ชั่วคราวไปตั้งแต่เดือน ธ.ค.2567
กระทั่งต่อมา บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ได้ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร้องขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบ ไต่สวนพฤติการณ์ และดำเนินคดีกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ข้าราชการการเมือง ข้าราชการประจำ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องฯ
กรณีมีเจตนาฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยมีอคติจงใจปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ รมว.อุตสาหกรรมโดยมิชอบ สั่งปิดโรงงานเหล็กของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จํากัด ทำให้บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ได้รับความเสียหาย 2,640 ล้านบาท นั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (ผู้ฟ้องคดี) ยื่นฟ้องนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ 1 กับพวก รวม 16 คน (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-16) ต่อศาลปกครองระยอง โดยขอให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกรมโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีคำสั่งให้บริษัทฯหยุดประกอบกิจการโรงงานเหล็กทั้งหมด รวมถึงเพิกถอนคำสั่งอายัดเหล็กฯของบริษัทฯด้วย
ขณะเดียวกัน บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ยังขอให้ศาลฯบังคับให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-16 ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายให้แก่บริษัทฯ เป็นเงินทั้งสิ้น 3,218,288,376.22 บาท ซึ่งประกอบด้วย ค่าสูญเสียรายได้และค่าขาดประโยชน์อันควรได้จากการทำธุรกิจ 3,141 ล้านบาท และค่าจ้างพนักงานระหว่างหยุดประกอบกิจการ 77.28 ล้านบาท พร้อมทั้งชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปีจากต้นเงินค่าเสียหายจำนวน 3,218,288,376.22 บาท ให้กับบริษัทฯ
นอกจากนี้ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ได้ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดีไว้ก่อนโดยให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองดังที่กล่าวมา โดยอนุญาตให้บริษัทฯสามารถเปิดดำเนินกิจการโรงงานเพื่อประกอบการได้ตามปกติ ในระหว่างการพิจารณาของศาลจนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในวันเดียวกัน (19 ก.ย.) บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ได้ยื่นฟ้องสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่ 1 นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่ 2 และนายนฤชา ฤชุพันธุ์ ที่ 3 (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3) ต่อศาลปกครองระยอง โดยบริษัทฯขอศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่สั่งเพิกถอนสิทธิและประโยชน์เป็นการชั่วคราวของบริษัท
พร้อมกันนั้น บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ยังขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองไว้ก่อนในระหว่างพิจารณาคดี โดยให้ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิและประโยชน์ได้ดังสิทธิและประโยชน์เดิม ในระหว่างการพิจารณาของศาลจนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด