ข่าวประจำวัน » ปชน.ไม่ทนแล้ว !! ให้วิโรจน์ นำทัพซักฟอกอนุทิน ปมเขากระโดง-ฮั้วส.ว.

ปชน.ไม่ทนแล้ว !! ให้วิโรจน์ นำทัพซักฟอกอนุทิน ปมเขากระโดง-ฮั้วส.ว.

19 September 2025
24   0

‘พริษฐ์’ ทันควัน! ลั่น ‘ปชน.’ ตั้งทีมรอชำแหละนโยบาย ‘รัฐบาลอนุทิน’ 4 ประเด็น ย้ำ จุดยืนสอบทุกรัฐบาลเหมือนกัน ยัน ไม่อุ้มใคร บอกไม่กังวลรัฐบาลกลายร่างเป็นเสียงข้างมาก ถ้าฝ่ายค้านรักษาเอกภาพสส.ได้ เสียงแข็ง ไม่ยื่นมาตรฐานจริยธรรม แต่ถ้ามีทุจริตยื่นองค์กรอิสระแน่เมื่อวาน 09.30 น. วันที่ 19 กันยายน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหน้าที่ตรวจสอบหน้าตาคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า บทบาทของพรรคปชน. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งเวทีแรกที่เป็นเวทีสำคัญในการตรวจสอบรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ คือเวทีการอภิปรายเรื่องคำแถลงนโยบาย โดยทาง พรรคปชน.มีการตั้งทีม และเตรียมผู้อภิปรายในระดับหนึ่งแล้ว แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ได้แก่1.การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญา ตามเงื่อนไข MOA และตรวจสอบกรอบเวลาการทำงานของรัฐบาลตามเงื่อนไข 4 เดือน รวมถึงรายละเอียดแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า 2.เดินหน้าตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทั้งกรณีฮั้วสว. และที่ดินเขากระโดง ซึ่งขณะนี้มีทีมที่ถูกตั้งขึ้นมานำโดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน. ได้รวบรวมข้อมูลและเตรียมอภิปรายในเรื่องดังกล่าว3.ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการคนละครึ่งที่มีการแย้มออกมาจะมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะสามารถเพิ่มการบริโภคได้จริง ไม่ใช่เป็นการย้ายการบริโภค จากร้านค้าที่อยู่นอกโครงการมาอยู่ในโครงการเท่านั้น รวมถึงการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 69 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือตนเอง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประชาชน4.ตรวจสอบความเหมาะสมของรายชื่อครม.ที่ประกาศมา และเมื่อดูจากรายชื่อแล้วก็เป็นไปตามโผ ซึ่งมีทั้งรายชื่อใหม่ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น กรณีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นอดีตตำรวจในจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ในทีมหรือภายใต้การบังคับบัญชาของอดีตตำรวจท่านหนึ่งที่เป็นสว.อยู่ และถูกตั้งคำถามคดีฮั้วสว.อยู่ และมีหลายรายชื่อที่เป็นชื่อเดิม เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เรายังคงตั้งคำถามถึงความเหมาะสมเรื่องคุณสมบัติ และศักยภาพในการทำงาน

เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเรื่องกัญชาด้วยหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในหมวดหมู่ที่สองที่สังคมตั้งข้อครหา นอกจากเรื่องเขากระโดงกับฮั้วสว.แล้ว ก็คงจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่สังคมตั้งคำถามถึงท่าทีของพรรคภท.เช่นกัน ทั้งจุดยืนเรื่องนโยบายกัญชาและคดีการเมือง โดยภายหลังจากที่นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี หลายคนมีความกังวลเพราะจะเห็นว่ามีประชาชนหรือนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการประกันตัว รวมถึงการดำเนินคดีและจำคุกที่มีโทษสูง 10-20 ปี เป็นหลายประเด็นที่ต้องจับตาดูว่าท่าทีของรัฐบาลใหม่จะเป็นเช่นไรเมื่อถามว่า ให้คะแนนครม.ชุดใหม่เท่าไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนเจอคำถามนี้ในฐานะสส.ฝ่ายค้าน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐาและน.ส.แพทองธาร จึงขอใช้มาตรฐานเดิมคือไม่ให้ตัวเลข เพราะท้ายที่สุดคนที่ให้ตัวเลขได้ดีที่สุดคือประชาชน ย้ำว่าต้องตรวจสอบนโยบายในระยะเวลา 4 เดือนว่าจะมีนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ตรงจุดหรือไม่ และมีหลายรายชื่อที่เราตั้งคำถามถึงความเหมาะสมอยู่ และหากเป็นรายชื่อของบุคคลเหล่านั้นก็ให้คะแนนเท่ากัน ประชาชนคิดว่าควรให้คะแนนแบบไหนในสมัยก่อน ในเวลานี้ก็น่าจะเป็นคะแนนพอๆ กันเมื่อถามถึง การวางตัวรัฐมนตรีชุดใหม่ที่สังคม กังวลและตั้งข้อสังเกตโดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคดีความของแกนนำรัฐบาล นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคปชน. ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือตรวจสอบรัฐบาลก่อนหน้าอย่างไรก็จะตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทินเช่นนั้น และคิดว่าให้การกระทำในช่วง 4 เดือนข้างหน้าเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงความจริงใจของพรรคปชน.เมื่อถามว่า หน้าตาของครม.ชุดใหม่ที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต จะนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในการไม่ปฏิบัติตาม MOA หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า MOA ไม่ได้พูดถึงเรื่องของรายละเอียดครม. เพราะเราทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ยืนยันว่าการทำหน้าที่ตรวจสอบครม.อนุทิน จะไม่น้อยไปกว่าครม. ชุดก่อน กลไกที่ผ่านมาเราใช้กลไกของสภา ในการตรวจสอบทั้งการตั้งกระทู้ถามสด การยื่นญัตติด่วนด้วยวาจาหรือกลไกกรรมาธิการ ไปจนถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้น เรายังคงใช้มาตรฐานเดิมในการตรวจสอบการทำหน้าที่ครม.นายอนุทินถามย้ำว่า การทำงานการเมืองของพรรคปชน.ในขณะนี้ไม่ได้อุ้มพรรค ภท.อยู่ใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้อุ้มใครอยู่ทั้งนั้น และความจริงแล้วตนอยากชวนให้คิดว่าเราทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างไปจากเดิมคือครม.ของนายอนุทิน มีเสียงในสภาน้อยกว่าครม.ชุดก่อน ดังนั้น หากพรรคฝ่ายค้านแม้จะมีความเห็นที่ต่างกันในบางประเด็น แต่ถ้าจุดที่เรามีร่วมกันในการตรวจสอบรัฐบาล จะทำให้ฝ่ายค้านมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตรวจสอบครม.นายอนุทินมากกว่าที่เราเคยมีในครม.ชุดก่อนด้วยซ้ำนายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกฎหมายในสภามีการพิจารณากฎหมายหลายฉบับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มาจากพรรคปชน. หรือพรรคอื่นที่ไม่ได้อยู่ในรัฐบาลในเวลานี้เยอะเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากการที่เรามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย“ลองจินตนาการหากครม. เสนอกฎหมายอะไรมา แล้วพรรคประชาชนกับพรรคเพื่อไทยไม่เห็นชอบ กฎหมายก็จะผ่านไม่ได้ ผมเข้าใจในความรู้สึกของพรรคเพื่อไทยว่าอาจจะมีคำถามหรือมีความเห็นต่างกับพรรคประชาชนในบางประเด็น แต่ก็อยากจะเชิญชวนด้วยความจริงใจว่าอะไรที่เห็นตรงกัน ให้มาร่วมกันตรวจสอบจะทำให้ฝ่ายค้านมีพลัง” นายพริษฐ์ กล่าว

เมื่อถามถึง กรณีที่มีความกังวลว่าจะมีการแปลงร่างจากเสียงรัฐบาลข้างน้อยไปเป็นเสียงข้างมากนั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า ลองเอาคณิตศาสตร์มากางกันดู ถ้าพรรคปชน.และพรรคเพื่อไทย (พท.) สามารถรักษาความเป็นเอกภาพของสส.พรรคตัวเองได้ เอาแค่สองพรรครวมกันเป็น 280 เสียง หรือหากบวกพรรคประชาชาติอีก 10 เสียง ได้ประมาณ 290 เสียง บวกลบคูณหารแล้วรัฐบาลรวมกันได้มากสุดแค่ 210-220 เสียง ดังนั้น ตราบใดที่พรรคปชน.และพรรค พท.ทำหน้าที่ของตัวเอง ในการรักษาเอกภาพของสส.ตัวเองได้ เราก็ไม่มีความกังวล เรื่องรัฐบาลเสียงข้างมากจากคณิตศาสตร์ที่เป็นอยู่ในวันนี้เมื่อถามว่า พรรคปชน.ไม่เห็นด้วยกับนิติสงครามมาตลอด แต่เมื่อดูรายชื่อครม.ชุดใหม่แล้ว มีคนที่เป็นสายล่อฟ้ารวมถึงอาจจะมีการยื่นองค์กรอิสระ เพื่อตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติ นายพริษฐ์ กล่าวว่า จุดยืนพรรคปชน.เหมือนเดิม เราตรวจสอบรัฐบาลก่อนอย่างไร ก็จะตรวจสอบรัฐบาลนี้เช่นนั้น และเรื่องการใช้องค์กรอิสระในการตรวจสอบ ก็ยังเหมือนเดิมคือหากมีการกระทำใดที่เป็นการทุจริต เรามองว่าเรื่องการทุจริตเป็นเรื่องที่มีนิยามชัดเจน สามารถใช้มาตรการทางกฎหมายได้ ทั้งกลไกขององค์กรอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งก็มีการดำเนินการมาตลอด ย้อนไปตั้งแต่สมัยของพรรคก้าวไกล ในกรณีการตรวจสอบของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีนายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า หรือกรณีการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณของสภาฯ ในกรณีของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เราก็มีการใช้กลไกองค์กรอิสระในการตรวจสอบการทุจริต แต่สิ่งที่เรามีจุดยืนแตกต่างกันออกไป คือมาตรฐานจริยธรรม เพราะเราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างนิยามไม่เหมือนกัน และอาจนำไปสู่การใช้ดุลยพินิจตามอำเภอใจได้ ซึ่งเป็นจุดยืนที่เรามีมาตั้งแต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และเป็นจุดยืนเดิมที่เราจะใช้ในการตรวจสอบทุกรัฐบาล ไม่ว่าหน้าตานายกรัฐมนตรีหรือครม. เป็นอย่างไร.