สส.เอกฉันท์ รับหลักการร่างโละคำสั่ง คสช. คืนอำนาจบริหารงานบุคคลให้ท้องถิ่น
‘อวสานคำสั่ง คสช.’ สภาผู้แทนราษฎรมีมติเอกฉันท์ รับหลักการร่าง พ.ร.บ.โละคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 8/2560 และร่างทำนองเดียวกัน รวม 5 ร่าง ด้วยคะแนน 317 ต่อ 0 เสียง คืนอำนาจบริหารงานบุคคลให้ท้องถิ่น หลังจากนี้จะมีการตั้ง กมธ.วิสามัญ โดยให้ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น ของ ‘วรภพ’ พรรคประชาชน เป็นร่างหลัก
18 ก.ย. 2568 ยูทูบ TP Channel ถ่ายทอดสดออนไลน์วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 24 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ มีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 8/2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 ก.พ. 2560 เสนอโดย สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.พรรคภูมิใจไทย และคณะ และร่างทำนองเดียวกันรวมทั้งสิ้น 5 ฉบับ
วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอ ร่าง พ.ร.บ. ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 8/2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างทั้ง 2 ร่างกฎหมาย คือการยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อคืนอำนาจการบริหรงานบุคคลให้ท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ยังให้จังหวัดช่วยจัดสอบแข่งบรรจุข้าราชการท้องถิ่นได้ด้วย
วรภพ กล่าวว่า สาระสำคัญของทั้ง 2 ร่างกฎหมาย คือ การยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. เพื่อคืนอำนาจการบริหารงานบุคคลให้ท้องถิ่น ขณะเดียวกัน ยังให้จังหวัดช่วยจัดสอบแข่งขันบรรจุข้าราชการท้องถิ่นได้
วรภพ กล่าวต่อว่า เนื่องจากการบริหารงานบุคคลมีประเด็นใหญ่ 2 ส่วน หนึ่งคือ “การสอบแข่งขัน” คือการบรรจุบุคคลเข้าเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นประเภททั่วไปและวิชาการ และ สองคือ “การสอบคัดเลือก” และ “การคัดเลือก” คือการเลื่อนตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น (Promotion) ภายในองค์กร โดยเฉพาะประเภทอำนวยการท้องถิ่น (หัวหน้าฝ่าย ผู้อำนวยการส่วน หรือหัวหน้าส่วนราชการระดับกองหรือสำนัก) และประเภทบริหารท้องถิ่น (รองปลัดและปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) ซึ่งแต่เดิมทั้ง 2 ส่วนนี้ใน พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น กำหนดให้อำนาจจัดสอบอยู่ที่ท้องถิ่น ภายใต้มาตรฐานที่กำหนดโดยจังหวัดและคณะกรรมการมาตรฐานของส่วนกลาง
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 8/2560 เพื่อยึดอำนาจการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นทั้ง 2 ส่วนนี้มาไว้ที่ส่วนกลาง โดยหยิบยกเหตุผลว่ามีการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ในการสอบแข่งขันหรือการสอบคัดเลือกของท้องถิ่นจำนวนหนึ่ง แต่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้ว เมื่อยึดอำนาจไปรวมไว้ที่ส่วนกลางก็มีปัญหาข้อครหาไม่แตกต่างกัน ขณะเดียวกัน เป็นการซ้ำเติมปัญหา ทำให้จำนวนข้าราชการท้องถิ่นมีตำแหน่งว่างมากมาย เพราะความล่าช้า ความไม่กระตือรือร้นในการจัดสอบแข่งขันและการสอบคัดเลือก ส่งผลกระทบต่อการทำงานของท้องถิ่น การบริการสาธารณะแก่พี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่
ดังนั้น ร่างกฎหมายที่เขาเสนอมีหลักการใหญ่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก เรื่องการสอบคัดเลือกและการคัดเลือก ซึ่งคือการพิจารณาเลื่อนขั้นของข้าราชการท้องถิ่นไต่เต้าขึ้นไปเป็นฝ่ายบริหาร ผลจากคำสั่งหัวหน้า คสช. 8/2560 คือทั้งที่ข้าราชการท้องถิ่นคนนั้นทำงานในพื้นที่ แต่การสอบคัดเลือกกลับถูกดึงไปไว้ที่ส่วนกลาง ทำให้การเลื่อนขั้นต้องผ่านการคัดสรรโดยข้อสอบข้อเขียนและการสัมภาษณ์สั้นๆ ซึ่งตนคิดว่าไม่ว่าองค์กรใดก็ตาม การประเมินวัดผลความสามารถของผู้บริหาร ไม่สามารถวัดได้ด้วยข้อสอบข้อเขียนและการสัมภาษณ์สั้นๆ จึงเป็นที่มาที่เราต้องยืนยันว่าในการคัดเลือกหรือสอบคัดเลือกเพื่อเลื่อนขั้นเป็นสายงานบริหารนั้น อำนาจควรกลับไปอยู่ที่ท้องถิ่น เพราะคนในพื้นที่รู้ดีที่สุดว่าใครมีความรู้ความสามารถ ควรได้รับการเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหาร จะทำให้สามารถให้ความดีความชอบหรือให้คุณให้โทษแก่ผู้บริหารที่ทำงานดีในแต่ละพื้นที่ ได้อย่างยุติธรรมมากขึ้น
วรภพ วิริยะโรจน์ (ที่มา: ยูทูบ TP Channel)
ต่อมา ประเด็นที่ 2 คือการสอบแข่งขัน เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือต้องการให้มี “มาตรฐานกลาง” เพื่อทำให้การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุข้าราชการท้องถิ่นได้รับความเชื่อถือมากขึ้น และถ้าเราให้ท้องถิ่น 8,000 กว่าแห่งต่างคนต่างจัดสอบกันเอง ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อเปิดสอบแข่งขันด้วยตำแหน่งจำนวนน้อยๆ ก็ไม่เกิดความคุ้มค่า จึงเป็นที่มาที่เสนอว่าการสอบแข่งขันของท้องถิ่น ควรเปิดช่องให้จังหวัดสามารถมาช่วยจัดสอบได้ โดยรวมตำแหน่งต่างๆ ที่ว่างอยู่ (pool) ที่ต้องการเปิดรับข้าราชการใหม่ร่วมกันภายในจังหวัด แล้วท้องถิ่นอุดหนุนงบประมาณให้คณะกรรมการจังหวัดช่วยจัดสอบแข่งขันได้ เชื่อว่าจะทำให้การสอบแข่งขันมีความคุ้มค่ามากขึ้น และช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าในการจัดสอบได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอที่เขาต้องการให้มีการพูดคุยในชั้นกรรมาธิการ โดยทราบว่าเป็นข้อแนะนำที่มีต่อร่างของเขา คือ การเสนอให้การจัดสอบแข่งขันของข้าราชการท้องถิ่นใช้ข้อสอบภาค ก ของ กพ. เพื่อให้มีมาตรฐานกลาง ซึ่งตามร่างกฏหมายที่เขาเสนอ คณะกรรมการมาตรฐานกลางสามารถกำหนดหลักเกณฑ์แบบนี้ได้ เรื่องนี้ยินดีที่จะรับไปพูดคุยในชั้นกรรมาธิการต่อไป
วรภพ ทิ้งท้ายว่า ความจริงแล้วร่างกฎหมายนี้เคยเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรในปีที่ผ่านมา (2567) และสภาฯ ก็เห็นตรงกันที่จะต้องแก้ไขปัญหา แต่ด้วยข้อติดขัดทางกฎหมายบางประการ ทำให้กฎหมายต้องตกไปและต้องมาพิจารณากันใหม่ในวันนี้ เขาหวังว่าสภาฯ จะรับหลักการของทั้ง 2 ร่าง และนำไปพิจารณาแก้ไขในชั้นกรรมาธิการเพื่อแก้ปัญหาให้ท้องถิ่น ให้สามารถบริการพี่น้องประชาชนได้ทุกพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป
ภท.ยันหนุนทุกร่าง มองคำสั่ง คสช.แก้ปัญหาทุจริตไม่ได้
อาสพนธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.พรรคภูมิใจไทย จังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ส่วนตัวเขาเห็นด้วยกับร่างกฎหมายยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 8/2560 และทุกร่างที่เสนอเข้ามาในสภาฯ อย่างไรก็ตาม เขาอยากจะขอนำเสนอต่อประชาชนว่า ร่างที่กำลังพิจารณาอยู่ในขณะนี้มีความสำคัญอย่างไร
ก่อนหน้านี้ ในร่างที่เรากำลังพิจารณามีอยู่แค่ 2 ส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาปัจจุบัน ส่วนแรกคือมอบอำนาจกลับคืนให้ท้องถิ่นจัดสอบแข่งขัน หรือคัดเลือก เดิมเรามีร่าง พ.ร.บ.บริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 แต่เมื่อปี 2557 มีการทุจริตจัดสอบแข่งขันที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน มีการเรียกรับข้าราชการที่อยากเป็น อบต. อยากทำงานในเทศบาล หรือแม้กระทั่งทำงานที่ อบจ. หัวละ 300,000 400,000 หรือ 500,000 บาท ปรากฏเป็นข่าวทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เมื่อ คสช.ยึดอำนาจ ก็ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการดึงอำนาจการสอบคัดเลือกเข้าสู่ส่วนกลาง ซึ่งอยู่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ในการสอบแข่งขัน หรือสอบคัดเลือก
อาสพนธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อเอาเข้าสู่ส่วนกลาง เราก็นึกว่าปัญหามันจะหมดไป แต่ไม่ใช่อย่างนั้น ในทางตรงกันข้าม ปัญหาการทุจริตยังมีเหมือนเดิม เช่น ในจังหวัดศรีสะเกษ ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากว่า เวลากองกลางจัดสอบแข่งขันทุกครั้งต้องมีนายหน้าจากต่างจังหวัดและในจังหวัดเอง มาเรียกถ้าอยากรับราชการ C1 จ่ายเงิน 300,000 บาท C2 จ่ายเงิน 500,000 บาท และ C3 จำนวน 700,000 บาทรับประกันว่าได้
อาสพนธ์ กล่าวต่อว่า เมื่อมาเป็น สส.นี่เป็นสิ่งแรกที่เขาอยากจะแก้ไขปัญหา เขาได้นำเรื่องนี้ปรึกษากับอนุทิน และท่านก็เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ โดยยกเลิกอำนาจคำสั่ง คสช.ที่ 8/2560 และโอนอำนาจกลับไปให้ท้องถิ่นดำเนินการจัดสอบทั่วประเทศ มีอำนาจในการจัดสอบแข่งขันและสอบคัดเลือกเอง เพื่ออย่างน้อยหากยังมีการทุจริตในท้องถิ่น ท้องถิ่นแต่ละที่มีประชาชนที่ใกล้ชิดสามารถตรวจสอบการทุจริต และตรวจสอบการกระทำผิดได้ แต่วันนี้เมื่อ ก.กลางเป็นผู้จัดสอบเอง เราไม่สามารถจับคนทุจริตได้ ดังนั้น การยกเลิก พ.ร.บ.นี้จึงมีความสำคัญต่อประชาชนทั่วประเทศ คนท้องถิ่นจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานให้ท้องถิ่น
อาสพนธ์ กล่าวต่อว่า ท้องถิ่นทั่วประเทศมีปัญหาเรื่องการบรรจุตำแหน่งระดับผู้บริหารท้องถิ่น เช่น ปลัด ผอ.กองช่าง หรือ ผอ.สำนักต่างๆ ซึ่งจากข้อมูลที่มี มีตำแหน่งว่าง 10,000 กว่าตำแหน่ง เพราะว่าปัญหาคำสั่ง คสช.ที่ 8/2560 เพราะว่าคำสั่งนี้มอบอำนาจให้ ก.กลาง จัดสอบคัดเลือกบุคลาการท้องถิ่น แต่ ก.กลาง ไม่สามารถดำเนินการได้ มอบอำนาจให้กับคณะกรรมการระดับจังหวัดทำ แต่คณะกรรมการระดับจังหวัดไม่ใช่นิติบุคคล ก็ไม่สามารถจัดสอบได้ เพราะไม่มีเงินจัดสอบ ก็ต้องไปขอสมาคม อบจ. หรือสันนิบาตเทศบาล จำนวน 4-5 ล้านบาท เพื่อมาจัดสอบ ปัจจุบัน ปัญหาก็ค้างคาอยู่แบบนี้ แก้ไขปัญหาการทุจริตสอบแข่งขัน และการแก้ไขปัญหาการบริหารบุคคลของท้องถิ่นทั่วประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ที่ 8/2560 และใช้ร่าง พ.ร.บ.ที่เสนอในสภาฯ วันนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อาสพนธ์ เสริมว่า ในร่าง พ.ร.บ. มีการเพิ่มวรรค 3 วรรค 4 และวรรค 5 ของมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบพัฒนาบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 โดยระบุว่าในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็น เพื่อให้การบริหารงานของ อบจ. และการปฏิบัติข้าราชการของข้าราชการ อบจ. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ระหว่างข้าราชการ อบจ. กับผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้นำชุมชน และไม่สามารถดำเนินการโอนข้าราชการ อบจ. ระหว่าง อบจ. ตามหลักความสมัครใจได้ ให้คณะกรรมการกลางข้าราชการ อบจ. พิจารณาและมีมติให้ข้าราชการ อบจ. โอนไปสังกัด อบจ.อื่นได้ เพื่อให้ข้าราชการ อบจ.ประสานกับ อบจ.ที่เกี่ยวข้องก่อน โดยส่วนตัวมองว่ามาตรานี้เป็นมาตราที่ดีมาก เพิ่มเติมมาดี เนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างข้าราชการกับผู้บริหาร และผู้นำชุมชน เพราะบางครั้ง ข้าราชการอยากย้ายไปทำงานที่อื่นๆ แต่ผู้บริหารไม่ให้ บางครั้งผู้บริหารอยากย้ายข้าราชการไปทำงานที่อื่น แต่เขาไม่สมัครใจก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น ทั้งหมดที่สมาชิกได้เสนอใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ และ พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. เขาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และเห็นด้วยกับการคืนอำนาจสู่ท้องถิ่น และพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย และจะรับหลักการทุกร่างวันนี้
‘จาตุรนต์’ ฝากต้องสร้างระบบให้เป็นธรรม สมดุล ข้าราชการมีความก้าวหน้า
จาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.คำสั่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 8/2560 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ระบุว่า ตามที่เพื่อนสมาชิก สส.ได้อภิปรายถึงปัญหาคำสั่งของ คสช.ก่อนหน้านี้ มีการดึงอำนาจการจัดสอบข้าราชท้องถิ่นเข้าส่วนกลาง ส่งผลให้ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นขาดแคลน เพราะไม่สามารถจัดสอบหรือไม่สามารถบรรจุได้ ผู้บริหารไม่สามารถสั่งการบังคับบัญชาได้ เพราะว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยตัวองค์กรเองหรือโดยคณะกรรมการไม่มีอำนาจ อำนาจไปอยู่ที่ส่วนกลาง นอกจากนั้น ก็มีปัญหาเรื่องการทุจริต ขาดความโปร่งใสของระบบ ซึ่งเหมือนกับว่าตอนท้องถิ่นทำเองก็มีปัญหาแบบหนึ่ง พอส่วนกลางทำเองก็ยังมีปัญหาแบบหนึ่ง
จาตุรนต์ กล่าวต่อว่า อีกปัญหาหนึ่งก็คือประชาชนมาสอบบรรจุกับส่วนกลาง แต่พอตอนทำงาน ต้องไปทำงานไกลๆ เขาอยากย้ายกัน พอย้ายก็ยากอีก เกิดภาวะที่ข้าราชการท้องถิ่นหมดไฟในการทำงาน และไม่สามารถดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานได้ และนี่เป็นปัญหาสืบเนื่องกันหลายปี ตั้งแต่ปี 2560 และเราพยายามกันไปแล้วแต่ไม่สำเร็จ เพราะกฎหมายถูกคว่ำไป สาเหตุสำคัญคือสภาฯ มองว่าแก้เกินกว่าหลักการที่สภาฯ เห็นชอบ ซึ่งเสียดายเวลาที่เราไม่สามารถแก้ไขปัญหาองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และครั้งนี้เราไม่ควรพลาดอีกแล้ว
จาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ที่เขาอยากจะฝากไปก็คือว่ามันต้องมีความสมดุลเหมือนกัน ตอนที่ท้องถิ่นทำ เขาก็บอกว่ามีระบบอุปถัมภ์ มีระบบเส้นสาย อยากให้ลูกหลานเข้าไปทำ การสอบไม่ได้มาตรฐานทุจริตกันได้ และถ้าทุกอย่างขึ้นกับท้องถิ่นไปหมดเลย ข้าราชการส่วนท้องถิ่นก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน เขาต้องการความก้าวหน้า หรือเส้นทางความก้าวหน้า ต้องการย้าย แต่ย้ายไม่ได้ถ้าผู้บริหารท้องถิ่นไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้น โดยระบบก็ต้องมีการถ่วงดุลกัน ทำยังไงให้มันเป็นมาตรฐาน มีความเป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ผู้บังคับบัญชาสั่งผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ แต่ไม่ใช่สั่งตามอำเภอใจ หรือสั่งให้เขาทำผิดกฎหมาย ไม่พอใจก็ย้ายเขาไปไหนก็ไม่รู้ คนดีๆ ไม่ยอมรับเข้ามา
ยกตัวอย่าง องค์กรที่ในระดับเดียวกันหรือต่างระดับกันเขาจะมีเส้นทางก้าวหน้าทางอาชีพ ซึ่งในความเห็น ต้องให้เขามีเส้นทางก้าวหน้า อย่างทำงาน อบจ.อยากจะย้ายไป กทม. ถ้าพิจารณาเห็นชอบ ก็ย้ายได้ วันหนึ่งเราเห็นปลัด อบจ. อาจเติบโตไปเป็นปลัด กทม. แต่ในร่างที่เขียนมา เห็นว่า ถ้าไม่ทำตาม คณะกรรมการกลางหรือกรรมการระดับจังหวัดจะต้องเสนอไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด และไปที่กระทรวงมหาดไทย อันนี้เป็นความหลงเหลือให้ผู้ว่าฯ หรือ รมต.มหาดไทยตัดสิน เหมือนกับว่าถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ให้ รมต.มหาดไทย ตัดสิน ซึ่งขัดต่อหลักการกระจายอำนาจ ควรจะสร้างระบบคณะกรรมการท้องถิ่นจะมีจุดเชื่อมกับส่วนภูมิภาคหรือส่วนกลางบ้างก็ได้ แต่ว่าคณะกรรมการต้องมีส่วนประกอบหลักเป็นส่วนท้องถิ่น และให้คณะกรรมการนี้มีอำนาจให้คุณให้โทษตัดสินได้เลย ไม่ต้องขึ้นมาที่ผู้ว่าฯ หรือ รมต.มหาดไทยอย่างที่เขียนในร่างนี้
จาตุรนต์ ทิ้งท้ายว่า เรื่องบุคลากรเป็นเรื่องที่สำคัญ แต่ยังมีปัญหาอื่นๆ ของท้องถิ่น เช่น ไม่มีอิสระในการตัดสินใจ คำสั่งต่างๆ ไม่มีอิสระทางการเงิน รายได้น้อยมาก แต่ที่แบ่งไปให้ ก็เอางานของรัฐบาลไปให้ด้วย ไม่ใช่งานที่ท้องถิ่น หรือประชาชนในพื้นที่ต้องการ ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาผ่านการแก้ไขกฎหมาย หรือคณะกรรมการกระจายอำนาจ แต่ปัญหาก็คือคณะกรรมการกระจายอำนาจประชุมกันน้อยมาก รวมทั้งอาจจะต้องติดตามตรวจสอบการทำงานของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้อำนาจกระจุกตัว ทำให้เกิดการควบคุม สั่งการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกินความจำเป็น
หลังจากที่ประชุมสภาฯ ร่วมอภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนร่างที่เสนอเข้ามาในสภาฯ ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 13.54 น. ที่ประชุมสภาฯ มีมติโหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 8/2560 เรื่อง เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 ก.พ. 2560 พร้อมกับร่างทำนองเดียวกัน รวมทั้งหมด 5 ร่าง ด้วยคะแนนเสียง 317 เสียง ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง
(ที่มา TP Channel)
ขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างกฎหมาย มีสมาชิก จำนวน 33 คน กำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน โดยให้ใช้ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ที่เสนอโดยวรภพ เป็นหลักในการพิจารณาในวาระที่ 2
อนึ่ง รายชื่อร่างที่รับหลักการประกอบด้วย
- ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. โดยมี วรภพ วิริยะโรจน์ สส.พรรคประชาชน กับคณะ เป็นผู้เสนอ
- ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งพัฒนา สัพโส สส.พรรคเพื่อไทย กับคณะ เป็นผู้เสนอ
- ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช สส.พรรคภูมิใจไทย กับคณะ เป็นผู้เสนอ
- ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 8/2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 ก.พ. 2560 พ.ศ. …. ซึ่งวรภพ วิริยะโรจน์ สส.พรรคประชาชน กับคณะ เป็นผู้เสนอ
- ร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 8/2560 เรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น ลงวันที่ 21 ก.พ. 2560 พ.ศ. …. ซึ่งสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.พรรคภูมิใจไทย กับคณะ เป็นผู้เสนอ