“ราชทัณฑ์” วางมาตรการเข้มงวด ดูแลคุมขังความปลอดภัยสูงสุด “ทักษิณ ชินวัตร” ในเรือนจำกลางคลองเปรม กักโรคโควิด 5 วัน พร้อมมอบหมาย “ผู้ต้องขังประพฤติดี” เป็นบัดดี้ คอยประกบช่วยเหลือ ส่วนหลังครบกักโรค ต้องพิจารณาแยกแดนให้เหมาะสม ป้องกันหากเกิดเหตุอันตรายต่างขั้วการเมือง อาทิ แดน 6-แดน 7 มอง “ทักษิณ” เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านวิชาการ ได้ภาษาอังกฤษ อาจได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเรือนจำในงานต่างๆ
เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ มีผู้สื่อข่าวหลากหลายสำนักปักหลักติดตามทำข่าวการนอนเรือนจำคืนแรกของนายทักษิณ ชินวัตร และการเยี่ยมทนายความ โดยเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งเป็น 1 ใน 5 เรือนจำความมั่นคงสูงของไทย
แหล่งข่าวในกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า สำหรับสาเหตุที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ต้องย้ายนายทักษิณ ชินวัตร ไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องด้วยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกกำหนดให้เป็นเรือนจำสำหรับรองรับการควบคุมผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี (Hub) ทุกประเภท ทำให้เรือนจำฯ ต้องย้ายผู้ต้องขังที่คดีเด็ดขาดแล้วไปควบคุมยังเรือนจำ ทัณฑสถานต่าง ๆ
ทราบว่าทุกวันนี้เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีการคุมขังนักโทษเด็ดขาดเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี อีกทั้งนายทักษิณ คือ ผู้ต้องขังที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด เป็นนักโทษเด็ดขาดแล้ว จึงต้องย้ายไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรมแทน เมื่อเข้าไปในเรือนจำแห่งใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่เรือนจำจะต้องมีการรับตัว ตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นบุคคลตามชื่อที่ปรากฏในหมายจำคุก พร้อมจัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจค้นตัวตามมาตรฐานการตรวจค้นและการป้องกันสิ่งของต้องห้าม และดำเนินการตรวจสุขภาพ จัดการเกี่ยวกับสิ่งของที่ติดตัวมาของผู้ต้องขัง พร้อมชี้แจงระเบียบ ข้อบังคับ และส่งตัวไปยังแดนแรก ณ ห้องกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน
เพื่อรอการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังไปคุมขังยังแดนที่เหมาะสมสำหรับรอยต่อระหว่างทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กับ เรือนจำกลางคลองเปรม ถือว่ามีความใกล้ชิดกัน เพราะอยู่ติดกัน และส่วนหนึ่งของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก็เป็นพื้นที่ของเรือนจำกลางคลองเปรมเก่า เพียงแค่ว่าถูกคั่นไว้ โดยจะเห็นได้ว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถือเป็นจุดไข่แดง พอเลยขึ้นไปก็เป็นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนตรงวงเวียนจะเป็นเรือนจำกลางคลองเปรม
จึงเป็นกรณีที่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังเจ็บป่วยเข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวกส่วนกรณีที่เป็นผู้ต้องขังคดีรายสำคัญเช่นนี้ การเข้าไปคุมขังภายในเรือนจำ ก็จะต้องได้รับการดูแลความปลอดภัยอย่างสูงสุด โดยเฉพาะการมอบหมายให้ผู้ต้องขังที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยพนักงานเรือนจำฯ คอยดูแลและให้ความช่วยเหลือ ซึ่งผู้ต้องขังรายดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีอยู่แล้ว จึงจะได้เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่เรือนจำ การดูแลความปลอดภัยของผู้ต้องขังถือว่าเป็นมาตรฐานสากล
แต่หากเป็นผู้ต้องขังสำคัญเช่นนี้ ก็จะต้องมีมาตรการเข้มข้นเข้มงวด เพราะหากเกิดอันตรายใดเกิดขึ้นระหว่างที่ผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำ ก็จะเป็นปัญหาและความรับผิดชอบที่ปฏิเสธไม่ได้ของเรือนจำดังกล่าวที่คุมขังอยู่ อีกทั้งหากมองเรื่องทางการเมือง ก็จะต้องระวังในส่วนของคนที่ไม่ได้ชอบ เพราะในเรือนจำกลางคลองเปรมทราบว่ามีผู้ต้องขังคดีทางการเมืองอยู่จำนวนหนึ่ง มีทั้งกลุ่มพรรคพวกเดียวกัน และคนละกลุ่มการเมืองกัน
นอกจากนี้ เมื่อนายทักษิณ ครบกำหนดการกักโรคโควิด ก็จะต้องได้รับการพิจารณาจำแนกแยกแดน ซึ่งแดนขังที่มีความเป็นไปได้ อาทิ แดน 6 แดนแรกรับ ผู้ต้องขังป่วย ผู้ต้องขังชรา คุมขังผู้ต้องขังที่มีกำหนดโทษไม่เกิน 50 ปี หรือแดน 7 แดนการศึกษาและพัฒนาจิตใจส่วนกรณีโครงการพักการลงโทษนั้น ด้วยความที่นายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ซึ่งตามหลักการจะต้องจำคุกมาแล้ว 1 ใน 2 จึงจะเข้าโครงการพักโทษได้
ดังนั้น ในกรณีของนายทักษิณ คือ 6 เดือน เมื่อรับโทษมาแล้ว 6 เดือน ก็จะได้พักโทษกลับไปคุมประพฤติที่บ้านตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่นายทักษิณ อายุ 76 ปี ก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีเหตุพิเศษได้ แต่อย่างไรก็ต้องรับโทษมาให้ได้ห้วงเวลาตามที่เงื่อนไขกำหนดก่อน แต่ส่วนที่น่าสนใจ คือ ระเบียบการคุมขังนอกเรือนจำ หรือ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ซึ่งมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขังที่จะเข้าเกณฑ์ได้รับการพิจารณา
ไม่ว่าจะเป็นเหลือโทษต่ำกว่า 4 ปี มีอัตราโทษต่ำกว่า 4 ปี เป็นการรับโทษจำคุกครั้งแรก เป็นต้น ก็มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาไปคุมขังนอกเรือนจำ โดยกรณีของนายทักษิณ หากเราดูคุณสมบัติที่มีโทษจำคุกตามคำสั่งศาลฎีกาฯ บังคับโทษ 1 ปี ก็ถือว่าเข้าเกณฑ์ แต่ด้วยตอนนี้ระเบียบดังกล่าวยังติดขัดปัญหาเรื่องการจัดสรรจัดหากำไล EM และยังไม่ได้มีการนำร่องใช้กับเรือนจำใด ผู้ต้องขังใด เพราะตอนนี้มีจำนวนผู้ต้องขังทั่วประเทศที่เข้าข่ายได้รับการพิจารณาให้ไปคุมขังนอกเรือนจำหลักหมื่นราย และผู้ต้องขังที่มีโทษต่ำกว่า 5 ปี ก็มีประมาณ 20,000-30,000 รายแล้ว
ซึ่งถ้าหากเรือนจำใดมีการพิจารณาคัดกรองรายชื่อเรียบร้อยแล้วว่าเป็นผู้มีสิทธิ์ รายชื่อเหล่านั้นก็จะต้องถูกนำเสนอไปยังชั้นของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นประธานพิจารณาทั้งนี้ ทราบว่ากรมราชทัณฑ์จะได้รับงบประมาณเกี่ยวกับกำไล EM ในปี 2568 แต่ถึงแม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะมีกำไล EM บางส่วนเพื่อใช้กับผู้ต้องขังเวลาเดินทางไปศาลนั้น แต่ก็ยังไม่มีความเพียงพอกับจำนวนคนที่จะต้องออกไปคุมขังนอกเรือนจำรายงานข่าวอีกว่า
แม้นายทักษิณ จะเหลือโทษจำคุก 1 ปี แต่ระหว่างที่คุมขังอยู่นั้น หากมีพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ก็ถือว่าได้รับการพิจารณาเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องรอดูรายละเอียดภายในพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษนั้นด้วย ซึ่งการเข้าเรือนจำครั้งแรก นายทักษิณจะได้รับการจัดลำดับชั้นเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางก่อน และในทุก ๆ 6 เดือน เรือนจำก็จะมีการปรับเลื่อนชั้นผู้ต้องขัง
นอกจากนี้ นายทักษิณ ถือเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ ทางเรือนจำฯ อาจจะมีการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยในงานด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลืองานในเรือนจำได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุด ผู้ช่วยงานสถานพยาบาล เพราะได้ภาษาอังกฤษ เป็นต้น และระหว่างกระบวนการกักโรคโควิด-19 ระยะเวลา 5 วัน (9 ก.ย.-13 ก.ย.) ผู้ต้องขังจะสามารถเยี่ยมได้เพียงทนายความ แต่เมื่อครบระยะเวลากักโรคเรียบร้อยแล้ว จึงจะสามารถเยี่ยมญาติได้ โดยจะต้องเป็นญาติที่ถูกระบุอยู่ในบัญชีรายชื่อการเยี่ยมญาติ 10 รายชื่อ
ซึ่งรายชื่อดังกล่าวนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังครบ 30 วัน ส่วนเรื่องการฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากผู้ต้องขัง เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายซื้อของอุปโภคบริโภคระหว่างอยู่ในเรือนจำนั้น มีจำนวนเงินสูงสุดที่สามารถฝากเงินได้ไม่เกิน 15,000 บาท และผู้ต้องขังสามารถใช้เงินได้วันละ 500 บาท ส่วนมีความคืบหน้าจากกรมราชทัณฑ์อย่างไร จะมีการรายงานให้ทราบต่อไปในส่วนของนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ ได้รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชนถึงข้อสอบถามเรื่องการเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ว่า
ตนยังไม่สะดวก ยังไม่มีกำหนดเข้าไปยังเรือนจำ อีกทั้งเมื่อเวลา 09.45 น. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวพบว่า ได้มีรถตู้ยี่ห้อ Mercedes-Benz สีเทา ทะเบียน ธห 1155 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถตู้ประจำครอบครัวชินวัตร ได้เลี้ยวเข้ามาบริเวณภายในวงเวียนเรือนจำกลางคลองเปรม แต่ไม่ได้หยุดจอด หรือพบว่ามีบุคคลเดินทางโดยสารมาด้วยแต่อย่างใด และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามไปยังเบอร์โทรศัพท์ของ พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ และนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี
ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เพื่อจะสอบถามเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของนายทักษิณ และอาการนอนเรือนจำคืนแรก รวมถึงการรับประทานอาหารว่าเป็นอย่างไรบ้างนั้น ปรากฏว่าทางผู้สื่อข่าวก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับจากทั้งคู่ คาดว่าติดภารกิจราชการ
CR : ไทยรัฐออนไลน์