ข่าวประจำวัน » อึ้ง ปชน.ขวางศาล !! ตัดสินความซื่อสัตย์สุจริต หวังตัดสินกันเอง

อึ้ง ปชน.ขวางศาล !! ตัดสินความซื่อสัตย์สุจริต หวังตัดสินกันเอง

19 August 2025
84   0

19 ส.ค. 2568- ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมไต่สวนในวันที่ 21 ส.ค. และนัดตัดสินในวันที่ 29 ส.ค. นี้ว่า วันไต่สวนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีน่าจะไปด้วยตนเอง ก่อนที่ศาลจะนัดตัดสินในสัปดาห์ถัดไป สิ่งที่สะท้อนคือพรรคปชน.ยืนยันหลักคิดเดิมว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่องค์กรอิสระมาตัดสินเรื่องที่เป็นนามธรรม เช่น เรื่องการผิดจริยธรรมหรือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า พรรคปชน.เรียกร้องตั้งแต่ต้นที่มีคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกมาว่าสิ่งที่พึงกระทำและการเมืองควรจะเป็นคือความรับผิดชอบส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระแสสังคมค่อนข้างชัดเจน ที่เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก และเราก็เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภาเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพราะถือเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน และทำลายระบบทางการเมืองรวมถึงระบอบรัฐสภา

“เมื่อนายกฯ ไม่ได้ลาออกและไม่ยุบสภา อีกทั้งยังดำเนินการมาจนถึงทุกวันนี้ กลายเป็นว่าองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจกว้างขวางเกินไป ในการวินิจฉัยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะคำว่าจริยธรรมของแต่ละคนนั้นต่างกัน จึงกลายเป็นว่าชะตากรรมของผู้นำประเทศต้องมาอยู่ในตุลาการ 9 คน ที่กำลังวินิจฉัยเรื่องที่เป็นนามธรรม ที่นายกหลายฯ ท่านหลุดจากเก้าอี้ในประเด็นแบบนี้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกแต่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ อาจต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้มีฉากทัศน์อยู่ 2 ฉาก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ และไม่ได้เป็นนายกฯ ต่อ ซึ่งหากเป็นนายกฯ ต่อ เราต้องเรียกร้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องคลิปเสียงว่านายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร และอีกกรณีคือหากไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไม่ว่าจะด้วยการลาออกหรือคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญก็คงต้องเลือกนายกฯ กันใหม่

ถามว่า หากดูท่าทีของรัฐบาลขณะนี้เป็นการปูทางสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลพร้อมเลือกตั้งน.ส.แพทองธาร คงยุบสภาไปแล้ว เพราะเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองที่พึงกระทำเพื่อให้ประชาชนตัดสิน

ต่อข้อถามว่า รัฐบาลอาจจะไม่พร้อมเลือกตั้ง จึงมีการโยกย้ายผู้ว่าฯ และตำแหน่งที่สำคัญต่างๆ เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การเมืองแบบเดิม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด เช่น การที่พรรคเพื่อไทยขอกระทรวงมหาดไทยคืน เป็นการรับรู้กันว่าการคุมอำนาจท้องถิ่นและจังหวัดต่างๆ เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง จึงกลายเป็นกระทรวงสำคัญที่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลจึงอยากได้กระทรวงนี้เป็นเรื่องปกติที่ไม่ปกติ ฉะนั้น ผู้ว่าฯ คนไหนที่มีความรู้ความสามารถก็ควรแต่งตั้งไปตามนั้น ไม่ใช่แต่งตั้งคนที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับการเลือกตั้งของตัวเอง

สำหรับการวิเคราะห์ที่ว่านายกฯ จะรอดจากศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ก็อยู่ยากเหมือนเดิม นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า แน่นอนที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำตนดูสถานการณ์ ในการพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่ผ่านมาแล้ว เห็นว่ารัฐบาลเหนื่อยในการที่จะตรึงคนให้ได้ เช่น บางช่วงบางตอนก็เกือบไปเหมือนกัน เราอาจจะมีลุกขึ้นพูดบ้างแต่ก็อยู่เป็นองค์ประชุม เพราะรู้ว่างบประมาณหากติดขัดอะไรจะเสียหายเป็นเรื่องใหญ่ 


“ซึ่งต่อไปนี้ในทุกเรื่องมองว่ารัฐบาลจะเหนื่อยมากๆ จะกลายเป็นการลากยาวโดยเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลแทบจะไม่เสนอกฎหมายของครม.เข้าสภาเลย เพราะจะต้องลุ้นกันตลอดทุกเวลาว่าทุกเวลาว่าจะผ่านหรือไม่ จะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันอะไรผ่านสภาได้เลย” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว.