ณัฐพงษ์ยืนยัน พรรคประชาชนไม่เคยค้านการซื้อยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น แต่ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี เห็นด้วยรัฐบาลลุยฟ้องผู้นำกัมพูชา
.
วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย จากกรณีที่กัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์รุกรานอธิปไตยของไทย ทั้งทางอาญาและทางแพ่งในระดับโลก รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ด้วย
.
ณัฐพงษ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูในรายละเอียดมาก แต่หากคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะดำเนินการในส่วนนั้น เราก็ไม่ได้ติดขัดอะไร สิ่งสำคัญที่สุดคือการแสดงให้หน่วยงานระหว่างประเทศหรือศาลเห็นถึงหลักฐานและข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาจะเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐของเรามีการเก็บหลักฐานข้อเท็จจริงมาโดยตลอดอยู่แล้ว และพร้อมจะใช้ทุกกลไกทั้งทางแพ่งและอาญาในการยื่นฟ้องต่อผู้นำกัมพูชา
.
อย่างไรก็ตาม เราทำงานในฐานะพรรคฝ่ายค้าน เรื่องหลักฐานเชิงประจักษ์ คงไม่พ้นต้องมาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายความมั่นคง ส่วนทางพรรคประชาชนเอง หากได้รับการร้องขอหลักฐานอะไร เราพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
.
ส่วนกรณีที่ รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน เสนอว่า หากพบความเชื่อมโยงระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับผู้นำกัมพูชา จะกลายเป็นข้อได้เปรียบของฝ่ายไทยนั้น ณัฐพงษ์ระบุว่า เรื่องการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องที่นานาประเทศต่างต้องการจะปราบปราม และยังเป็นนโยบายที่พรรคประชาชนได้ดำเนินการมาโดยตลอด หากเรามีหลักฐานสนับสนุน ซึ่งเราก็คงมีอยู่ในระดับหนึ่ง และได้รับการร้องขอจากหน่วยงานของรัฐก็คงไม่ได้ติดขัดอะไร และเชื่อว่าเพื่อนๆ สมาชิกพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่
.
ย้ำจุดยืนพรรคคงเดิม ไม่ขวางงบซื้ออาวุธที่จำเป็น
.
ส่วนกรณีที่ ครม. อนุมัติงบประมาณในการซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพเพิ่มเติมอย่างกริพเพนและเรือดำน้ำ มองว่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว หรือยังมีความจำเป็นอยู่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องวางในหลักการให้ชัดก่อนว่า ตนเองและพรรคประชาชน เราไม่เคยต่อต้านการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็น แต่ต้องพิจารณาเป็นเรื่องต่อเรื่อง ชิ้นต่อชิ้นไป ที่ผ่านมาอย่างเรือฟริเกตและกริพเพน เราก็สนับสนุนมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ปีงบประมาณก่อนๆ ด้วยซ้ำ
.
“ไม่อยากให้มองว่าเรื่องนี้เป็นกระแสที่เกิดขึ้นจากภัยความมั่นคงของประเทศ แล้วทำให้อยู่ดีๆ สส. ของพรรคประชาชนปรับหลักคิดหันมาสนับสนุน ยืนยันว่าที่ผ่านมาเราไม่เคยคัดค้านการซื้ออาวุธที่จำเป็น แต่ดูเป็นรายกรณีไป อย่างล่าสุดที่ผมพูดในจังหวัดตราด ก็ได้รับเสียงสะท้อนมาจากในพื้นที่ว่าตอนนี้มีภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่ผมเองก็ไม่สามารถไปตอบได้ว่ายุทโธปกรณ์อะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมต่อภัยความมั่นคงในปัจจุบัน เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จำเป็นต้องเสนอเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎร” ณัฐพงษ์กล่าว
.
ส่วนหากในอนาคตกองทัพมีบทบาทนำ จะทำให้การทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตัดลดงบประมาณของกองทัพยากขึ้นหรือไม่ ณัฐพงษ์มองว่าไม่เกี่ยวกัน ยกตัวอย่างหากวันนี้ยังมีการเสนองบซื้อเรือดำน้ำที่อาจจะไม่ได้มีเครื่องยนต์มาด้วย อย่างปีที่ผ่านมาก็คงไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ สส. จะผ่านงบประมาณแบบนี้ ขอย้ำว่าต้องดูเหตุผลความจำเป็น
.
สำหรับจุดยืนของพรรคต่อกองทัพ ณัฐพงษ์ย้ำว่า เราพร้อมสนับสนุนในการทำหน้าที่ของกองทัพในการปกป้องประเทศ แต่เราไม่เห็นด้วยที่กองทัพจะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะฉะนั้นเห็นด้วยกับการทำกองทัพให้ทันสมัย เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย รวมถึงอนุมัติงบประมาณให้มีการจัดซื้อจัดจ้างอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็น และตอบโจทย์ต่อยุคสมัยปัจจุบัน
.
“สิ่งที่นอกเหนือไปจากนี้ เช่น การที่กองทัพมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งควรเป็นหน้าที่รัฐบาล ก็อาจจะต้องปรับ ทำอย่างไรให้กองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน และทำให้รัฐบาลพลเรือนมีบทบาทนำ” ณัฐพงษ์ระบุ
.
เชื่อการยึดกติกาสากล ทำให้ไทยได้เปรียบในเวทีโลก
.
สำหรับกรณี สหัสวัต คุ้มคง สส. ชลบุรี พรรคประชาชน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกองทัพนั้น ณัฐพงษ์เชื่อว่า ที่ผ่านมาสหัสวัตก็โพสต์ชี้แจงและขอโทษไปแล้ว และพรรคเองได้ดำเนินการทางวินัยอย่างได้สัดส่วนไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะต้องให้ประชาชนที่รู้สึกเกิดความไม่ค่อยสบายใจจากการสื่อสารดังกล่าว ก็เป็นเสียงสะท้อนที่พรรคประชาชนรับมาปรับปรุง พร้อมน้อมรับทุกคำวิพากษ์วิจารณ์ และดำเนินการทุกอย่างโดยที่ไม่ได้ปกป้องคนของตัวเอง อยากให้ทุกคนติดตามการวางตัวและการทำงานของพวกเราต่อไปในอนาคต
.
ส่วนการแสดงความคิดเห็นของสหัสวัต แยกออกจากจุดยืนของพรรคประชาชนหรือไม่ ณัฐพงษ์ระบุว่า สหัสวัตอาจจะเห็นว่าเป็นการโพสต์ในพื้นที่ส่วนตัว แต่การครองตนของ สส. เมื่อเรามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎร การแสดงออกในทุกเวทีย่อมสะท้อนการเป็นผู้แทนและตัวแทนของพรรค เพราะฉะนั้นเนื้อหาที่เขามีการสื่อสารออกไป เชื่อว่าให้ดูจากสิ่งที่ตนเองหรือตัวแทนอย่างเป็นทางการของพรรคแถลง ทั้งจุดยืนของพรรคและนโยบายของพรรค ที่นำเสนอต่อประชาชนดีกว่า
.
ขณะที่ช่วงนี้มีการเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับณัฐพงษ์และพรรคประชาชนนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า ในช่วงเวลานี้อยากให้กำลังใจประชาชนทุกคน ตนเองและพรรคประชาชนรักประเทศนี้ รักชาติไทย ไม่ได้ต่างจากทุกๆ ท่าน เพียงแต่การดำเนินการทุกอย่างของประเทศต้องเป็นไปตามหลักสากลด้วย เราไม่ได้ยืนอยู่ประเทศเดียว แต่เรายืนอยู่ในเวทีโลก
.
“สิ่งที่จะทำให้เราได้เปรียบกัมพูชาในเวทีโลก ในขณะที่เขาปล่อยข้อมูลข่าวสารที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง สิ่งที่จะเอาชนะคำหลอกลวงได้คือความจริง รวมถึงการยึดหลักกติกาสากล เขาทำอะไรไม่ดีกับเรา เรามีหน้าที่ในการป้องกันประเทศอย่างเข้มแข็ง อย่าทำตัวเองให้เสียเปรียบ ในขณะเดียวกัน คงไม่ใช่การใช้อำนาจกองทัพที่เหนือกว่าไปข่มเหง เพราะเมื่อไรที่ทำแบบนั้น เราจะขาดการยอมรับจากเวทีนานาอารยประเทศ” ณัฐพงษ์กล่าว
.
ณัฐพงษ์กล่าวด้วยว่า ส่วนภายในประเทศเองก็มีการสื่อสารที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะกับตนเพียงอย่างเดียว แต่เกิดขึ้นกับหลายภาคส่วน จึงอยากสื่อสารกับประชาชนว่า อยากให้ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างรอบคอบ รอบด้าน มีสติในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เพราะการที่เราเผลอแชร์ข้อมูลที่เป็นเท็จโดยใช้อารมณ์ และความรู้สึกอย่างไม่ได้ตั้งใจ อาจส่งผลกระทบที่ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ไม่ได้ดีขึ้น