ผู้สื่อข่าว pptvhd36 รายงานว่า…
เกาะติดเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 3 หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเมื่อเช้าวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 พบกัมพูชาเปิดฉากยิงขยายพื้นที่ ปะทะบ้านชำราก จ.ตราด ด้านไทยเปิดยุทธการการ“ตราดพิฆาตไพรี1”ตอบโต้กลับ!
เวลา 05.10 น. ผู้สื่อข่าวรายงานการปะทะระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในพื้นที่ตามแนวชายแดนเข้าสู่วันที่ 3 ทหารกัมพูชาเปิดพื้นที่ใหม่เริ่มโจมตีทหารไทย บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทางทหารจากกองกําลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้ตอบโต้ เริ่มการปะทะ
กองทัพเรือ จึงได้เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี1” ทำการผลักดันและทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชาวางกำลังรุกล้ำเขตแดนไทย 3 จุด กระทั่งเวลา 05.40 น. กำลังทหารเรือได้สามารถผลักดัน ฝั่งกัมพูชาได้ถอยออกไป จบภารกิจได้ภายใน 30 นาที
ขณะที่ กองทัพภาคที่ 2 โพสต์ให้กำลังใจ หนึ่งพันห้าร้อยไมล์ทะเลไทยมีนาวีนี้เฝ้า ข้าศึกฮึกเข้าระดมโจมตีนาวีนี้รบรับอยู่ #ส่งกำลังใจลูกประดู่
เวลา 06.45 ผู้สื่อข่าวในพื้นที่ จ.สุรินทร์ รายงานว่าเสียงปะทะกันเงียบไปตั้งแต่ 20.00 น. จนถึงเช้านี้ก็ยังไม่มีเสียงปะทะกัน
เวลา 07.55 มีรายงานว่า เหตุการต่อเนื่องบริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ทหารกัมพูชาได้ถอยร่นออกไปจากแนวรบที่สอง จากกองทัพเรือไทยได้ส่งนาวิกโยธินเข้าปฏิบัติการภายใต้ยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” เพื่อทำลายพื้นที่ที่ทหารกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของประเทศไทยทั้ง 3 จุด
จากนั้นกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาแถลงการณ์ระบุว่า “กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงและหนักที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อการกระทำรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุและไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าของราชอาณาจักรไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงปืนใหญ่หนัก 5 ลูกเข้าไปในหลายพื้นที่ในหมู่บ้านเอกภาพ อำเภอเวียลแวง จังหวัดโพธิสัตว์”
08.20 น. วันที่ 26 ก.ค. 68 รายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคง กองทัพเรือ โดย ทัพเรือภาคที่ 1 กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราดได้ส่งหมวดเรือป้องกันชายแดน ประกอบกำลังทัพเรือภาคที่ 1 ส่งหมวดเรือเฉพาะกิจ (Task Group) จำนวน 4 ลำ ออกสนับสนุน “ยุทธการตราดพิฆาตไพรี1” บริเวณ อ.เกาะกูด และบ้านหาดเล็ก จ.ตราดโดยกำลังประกอบด้วย เรือเร็วโจมตีปืน และเรือตรวจการณ์ปืนซึ่งมีขีดความสามารถในการสนับสนุนการยิงสนับสนุนให้กับกำลังทางบก ซึ่งเป็นอาวุธที่ทางทหารกัมพูชากลัวที่สุดในพื้นที่บริเวณนี้ ทั้งนี้หากได้รับการร้องขอสามารถยิงสนับสนุนได้ทันทีภายใน 1 นาที
08.30 น. กองทัพเรือ ยันกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ลุยฝ่าทุ่นระเบิดชำรากแดนตราด ผลักดันกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตย ย้ำฝึกอย่างไร รบอย่างนั้นขณะที่เวลาประมาณ เวลา 00.35 น. กัมพูชาประณามไทยประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ขณะที่ โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายืนยัน การปะทะเช้านี้ เจ้าหน้าที่กองทัพกัมพูชา (RCAF) เสียชีวิต 5 นาย และพลเรือนเสียชีวิต 8 ราย ในจังหวัดโพธิสัตว์เวลา 08.55 น. กองทัพเรือ ยัน ยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” สำเร็จตามเป้าหมาย นาวิกโยธินเข้าผลักดันกำลังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำเขตแดนไทยใน 3 จุดอย่างเด็ดขาด จนถอยร่นกลับโดยไม่มีการสูญเสียและฝ่ายไทยควบคุมพื้นที่ได้ทั้งหมดโดยปลอดภัย09.43 น. ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า ได้มีการเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดภูมะเขือ หลังจากที่ทหารไทยได้เปิดปฏิบัติการเข้าตียึดพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเป็นบริเวณที่ฝ่ายทหารกัมพูชาได้วางกำลังไว้อย่างหนาแน่น และสามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความพยายามจากฝ่ายกัมพูชาในการเข้าตีเพื่อแย่งยึดพื้นที่คืนอย่างต่อเนื่องโดยได้มีการระดมยิงปืนใหญ่และเตรียมการจัดกำลังเข้าตีตอบโต้ฝ่ายไทย10.29 น. กองทัพภาคที่ 2 ยืนยัน กระสุนตกฝั่ง สปป.ลาว เป็นกระสุนฝ่ายกองทัพกัมพูชา โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวสาร การรบปะทะระหว่างไทย – กัมพูชา แล้วมีกระสุนไปตกยังฝั่ง สปป.ลาว ทำให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชนฝั่ง สปป.ลาว นั้น ฝ่ายไทยขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างยิ่ง
แต่จากการตรวจสอบและประสานกับ สปป.ลาว แล้วทราบว่า กระสุนดังกล่าวไม่ได้เป็นกระสุนจากอาวุธของกองทัพไทย แต่เป็นกระสุนของฝ่ายกองทัพกัมพูชา โดยฝ่ายไทยมีความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้อาวุธยิงสนับสนุน ที่จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเป้าหมายที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร
10.30 น. กองทัพภาคที่ 2 “ขีปนาวุธ PHL-03” เป็นระบบขีปนาวุธที่มีความสามารถในการยิงหลายลูกพร้อมกันในระยะทางไกลถึง 130 กิโลเมตรจากตำแหน่งยิง ขีปนาวุธชนิดนี้สามารถทำลายที่หมายทางยุทธศาสตร์ และที่ตั้งกำลังทางทหาร ซึ่งกองทัพได้เตรียมการรองรับสถานการณ์ ในการปฏิบัติตามแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง และมีเครื่องมือในการทำลายขีปนาวุธชนิดนี้ แต่เพื่อไม่ประมาทในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน ขอให้ระมัดระวังการถูกโจมตีที่ไม่พึงประสงค์นี้ ขอให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนก และติดตามการแจ้งเตือนจากทางการ
ข้อควรระวัง
- คอยตรวจสอบข่าวสารและการแจ้งเตือนจากทางราชการ
- หากท่านอาศัยอยู่ใกล้พื้นที่สำคัญหรือมีความเสี่ยงสูง ควรเตรียมการป้องกันโดยการหาที่หลบภัยในที่ปลอดภัย
- การรักษาระยะห่างจากจุดที่อาจเป็นเป้าหมาย หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ที่อาจเกิดการโจมตีเมื่อได้รับการเตือน
- ขอให้ประชาชนทุกท่านติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหากมีการประกาศภัยพิบัติหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางการอย่างเคร่งครัด
11.45 น.กองทัพเรือ ขอความร่วมมืองดเผยแพร่ แชร์ข้อมูลเคลื่อนย้ายกำลังพล และยุทโธปกรณ์ หลีกเลี่ยงพื้นที่ชายแดน 6 จังหวัด ย้ำระวังข่าวปลอม!
12.00 น. กองทัพภาคที่ 2 ระบุ จากที่ฝ่ายไทยได้ “ยึดภูมะเขือ” ที่ผ่านมานั้น ฝ่ายกัมพูชาเตรียมการใช้กำลังทางทหารและอาวุธวิถีโค้ง เป็นจำนวนมาก ขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวัง ติดตามสถานการณ์ การแจ้งเตือนจากทางการ และเชื่อมั่นในทหารไทย
12.14 น. กองทัพบกรับรายงานกำลังพลเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพิ่มเติม 1 นาย คือ สิบเอก จิรายุส อินทุมาน สังกัด กองพันจู่โจม กองทัพบกขอสดุดีแด่กำลังพลผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะดูแลสิทธิและสวัสดิการแก่ครอบครัวและทายาทของทหารกล้าเหล่านี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติแห่งความเสียสละของท่านเหล่านี้
13.00 น. กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 เข้าดำเนินการใช้กำลังทหารเพื่อผลักดันและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของฝ่ายกัมพูชา ที่รุกล้ำเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทย อันเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU ปี 2543 (MOU 43) จำนวน 4 พื้นที่ บริเวณชายแดนจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา 2 พื้นที่ และอำเภอโคกสูง 2 พื้นที่ ผลการปฏิบัติสามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากทั้ง 4 พื้นที่ได้เรียบร้อยแล้ว
13.30 น. สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กระทบสถานบริการสาธารณสุข 17 แห่ง ปิดบริการ 7 แห่ง เปิดเฉพาะฉุกเฉิน 10 แห่ง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยแล้ว 583 ราย ผู้บาดเจ็บสะสม 35 ราย เสียชีวิตคงเดิม 13 ราย อพยพประชาชน 93,006 คน พร้อมทีมแพทย์ฉุกเฉินและหน่วยเคลื่อนที่สนับสนุนการดูแลต่อเนื่อง
ทูตไทยแจง UNSC ประณามกัมพูชารุกรานชายแดน ยันใช้สิทธิ์ป้องกันตัวตามหลักสากล
ขณะที่ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) ที่จัดการประชุมแบบปิด เมื่อวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น โดยประณามกัมพูชาอย่างถึงที่สุดต่อการโจมตีอย่างไร้มนุษยธรรมของกัมพูชาต่อพลเรือน โครงสร้างพื้นฐานพลเรือนและสถานที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาล ซึ่งละเมิดอนุสัญญาเจนีวา 1949 อย่างชัดเจน
กลาโหมกัมพูชาแจ้งเสียชีวิตรวม 13 ราย เหตุปะทะเช้านี้
พลโท มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวในการแถลงข่าวว่า จากเหตุปะทะช่วงเช้าที่ผ่านมา อ้างถูกยิงปืนใหญ่อย่างหนักที่หมู่บ้านเอกภาพ ในอำเภอเวียลแวง จังหวัดโพธิสัตว์ จนมีเจ้าหน้าที่กองทัพกัมพูชา (RCAF) เสียชีวิต 5 นาย ได้รับบาดเจ็บ 21 นาย ขณะที่พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย และอย่างน้อย 50 คนได้รับบาดเจ็บในระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป
รมว.กต.ประณามเขมรยิงพลเรือนกลางชายแดน ชี้ละเมิดอธิปไตยไทย-กฎหมายสากล
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเดินทางกลับจากภารกิจประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (HLPF) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก โดยเน้นย้ำถึงสถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา และบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
รมว.กต.เปิดเผยว่า ตลอดช่วงที่ปฏิบัติภารกิจที่นิวยอร์ก ตนได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุการณ์ในวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีก่อน โดยพุ่งเป้าไปยังพื้นที่พลเรือน เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ และปั๊มน้ำมัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเด็กวัยเพียง 8 ขวบ
“นี่ไม่ใช่แค่การละเมิดอธิปไตยของไทย แต่ยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรงที่สุด” รมว.กต.กล่าว พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยไม่อาจยอมรับการกระทำดังกล่าว และได้ออกแถลงการณ์ 3 ข้อทันที ได้แก่ ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรง , ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต โดยเรียกเอกอัครราชทูตกลับไทย , เรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการรุกรานและแสดงความรับผิดชอบ
รมว.กต.เผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ไทยมีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาได้ลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ในพื้นที่ไทย ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัส 2 นาย สูญเสียขาทั้งสองข้าง และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบ
ด้านภารกิจระหว่างประเทศ รมว.กต.ระบุว่า ได้ใช้เวที UN ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้แทนระดับสูงทั่วโลก รวมถึงเลขาธิการ UN, รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานในฐานะประธาน UNSC, รัฐมนตรีปานามา ญี่ปุ่น และผู้แทนรัสเซีย โดยเน้นว่าไทยปฏิบัติอย่างสุจริตใจมาโดยตลอด และพยายามแก้ไขปัญหาผ่านช่องทางทวิภาคี
ในที่ประชุม UNSC แบบปิดเมื่อคืนที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ย้ำว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มการใช้กำลังก่อน และมีการบุกรุกลึกเข้ามาในเขตแดนไทย ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต โดยสมาชิก UNSC ส่วนใหญ่เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศใช้ความอดกลั้น ยุติความรุนแรง และหาทางออกด้วยสันติวิธี ผ่านกลไกอาเซียน
สำหรับกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยยิงกระสุนใส่ปราสาทพระวิหาร รมว.กต.ระบุว่า “เป็นข่าวปลอมโดยสิ้นเชิง” เนื่องจากจุดปะทะอยู่ห่างจากตัวปราสาทถึง 2 กิโลเมตร และไทยได้ทำหนังสือชี้แจงไปแล้วอย่างเป็นทางการ
“ไทยยังคงยึดมั่นในการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมร่วมมือกับประชาคมโลก เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และศักดิ์ศรีของชาติ” รมว.กต.กล่าวในช่วงท้าย พร้อมฝากความห่วงใยถึงประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน และยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติและความปลอดภัยของคนไทยอย่างสุดกำลัง
กต.เตรียมส่งหนังสือถึง “ประธานICRC” ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรง ต่อการละเมิดกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตนขอใช้โอกาสนี้ในการย้ำแถลงจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือนดังนี้โดย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 เวลา 08.20 น. กองกำลังกัมพูชาได้เปิดฉากยิงใส่ฐานทัพไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ. สุรินทร์ ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บทันทีจำนวน 2 นาย และหลังจากนั้นไม่นานทางกัมพูชาได้เปิดฉากโจมตีอย่างไม่เลือกเป้าหมายในดินแดนไทย ทั้ง4 จังหวัด คือ จ.บุรีรัมย์ จ. สุรินทร์
จ.ศรีสะเกษ จ. อุบลราชธานี
โดยเวลาต่อมา 11.54 น. โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ. สุรินทร์ ถูกโจมตีด้วยการยิงปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชาซึ่งถือเป็นการกระทำที่รุนแรงไม่เลือกเป้าหมายและละเมิดกฎหมายต่อพลเรือนไทย ส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงและนำไปสู่การสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ รวมถึงสตรี เด็ก สถานที่ของพลเรือนรวมถึงโรงพยาบาลและโรงเรียนก็ได้รับความเสียหายอย่างมากเช่นกัน
เวลา 14.00 น. ของวันที่ 25 ก.ค. 68 การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนจำนวน 13 ราย และบาดเจ็บ 46 ราย ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีบุคคล พลเรือน สถานที่ของพลเรือน และสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอย่างไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานพยาบาลถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 อย่างชัดเจนและร้ายแรง รวมถึงข้อ 19 อนุสัญญาของเจนีวาฉบับที่ว่าด้วยการคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล และข้อ 18 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 4 ว่าด้วยการคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน
ทั้งนี้ประเทศไทยขอประนามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ซึ่งขัดต่อพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจน รัฐบาลไทยจะมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อแสดงการประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฏหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศเหล่านี้อย่างเป็นรายลักษณ์อักษรต่อไป
ผลักดันทหารกัมพูชาออกจาก 4 พื้นที่ จ.สระแก้วสำเร็จ ตรึงกำลังเข้มตลอดแนว
กองกำลังบูรพา ปฏิบัติภารกิจ ตามแผนจักรพงษ์ภูวนารถ 681 ทบ. ด้วยการใช้กำลังปฏิบัติในการผลักดันต่อกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากเขตแดนอธิปไตยของประเทศไทย และบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ตาม MOU43 จำนวน 4 พื้นที่ บริเวณแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ด้าน จังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา จำนวน 2 พื้นที่ และ อำเภอโคกสูง จำนวน 22 พื้นที่ ผลการปฏิบัติ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ทั้ง 4 พื้นที่
ปัจจุบันได้ดำเนินการวางกำลังตรึง พื้นที่ตลอดแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อรักษาอธิปไตย และรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย
การอพยพประชาชน สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอพยพประชาชน ไปยังพื้นที่รวบรวบรวมพลเรือน ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จำนวน 19 พื้นที่ มียอดรวมประชาชนอพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน (ศูนย์พักพิงชั่วคราว) จำนวน 4,076 คน
12.28 น. ผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ เผย ปชช. เตรียมอพยพเพิ่ม
ผู้ว่าฯ จ.สุรินทร์ เผย ปชช. เตรียมอพยพเพิ่ม หลัง กระสุนตกในอำเภอปราสาท ชี้ ไม่อยู่ในแผนอพยพ แต่หากมีการยิงกันต่อเนื่อง จะต้องออกจากพื้นที่ ยัน จว. มีความพร้อมด้านศูนย์พักพิงเพียงพอ ย้ำ ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน
สื่อนานาชาติเข้าใจไทยใช้ F-16 จำกัดวงเฉพาะพื้นที่ทหาร
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า สื่อนานาชาติ เข้าใจไทยในยุทธวิธี ภารกิจเหยี่ยวเวหาF-16 จำกัดวงเฉพาะพื้นที่ทหาร หลังกัมพูชาถล่มเป้าหมายพลเรือนไทยต่อเนื่อง ยืนยันป้องกันประเทศตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ ขณะที่อินฟูลและนักวิชาการนานาชาติชื่นชมไทยปฎิบัติภารกิจด้วยสุภาพบุรุษทางการทหาร
เวลา 14.30 น. กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังปะทะต่อเนื่อง ไทยยึดภูมะเขือสำเร็จ อพยพ ประชาชนกว่า 88,000 คน จิตอาสาเร่งช่วยเหลือ
“แพทองธาร” เตรียมลุย “สุรินทร์” เยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บเหตุชายแดนไทย-กัมพูชา
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เตรียมลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ในวันพรุ่งนี้ ( 27 กรกฎาคม) โดยในเวลา 12.30 น. นางสาวแพทองธาร จะเยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ที่โรงพยาบาลสุรินทร์
จากนั้นในเวลา 13.10 น.นางสาวแพทองธาร จะลงพื้นที่ให้กำลังใจและมอบสิ่งของแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์
“ผบ.พล.7 กัมพูชา เสียชีวิตกลางสมรภูมิช่องตาเฒ่า–ภูมะเขือ
เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ และ ช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดของวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และ กดดันทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ
ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้น พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ
ทอ.ส่ง F-16 – กริพเพน ออกปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์ พื้นที่ทางทหารกัมพูชา ปราสาทตาควา
26 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการเป็นรอบที่สอง โจมตียุทธบริเวนทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา
บริเวณปราสาทตาควาย อำเภอพนมดง จังหวัดสุรินทร์ โดยภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย
สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทย กับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด ผลัดกันรุกผลัดกันรับ โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและมีการระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่24 ก.ค.ถึงวันนี้
ทางการ สปป.ลาว ออกแถลงการณ์ แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย
ทางการ สปป.ลาว ออกแถลงการณ์ แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยระบุว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ระบุต่อกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย 24 กรกฎาคม 2568 ว่า
สปป.ลาว ในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงมีชายแดนเชื่อมจอดและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาและไทย จึงขอแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมเสนอให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความพยายามในการอดกลั้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยสันติวิธี
เปิดภาพคลังอาวุธ ทหารเขมร สมรภูมิภูมะเขือ
15.55 น. จากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือ ที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย
นอกจากนี้ยังพบ โทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน
ย้ำเที่ยวบินไทย–กัมพูชายังปกติ
จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนประเทศไทยและกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยกัมพูชาได้ออกประกาศ NOTAM พื้นที่ห้วงอากาศอันตรายในการดูแลของประเทศกัมพูชา(Phnom Penh FIR) บริเวณชายแดนข้อพิพาทกับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2568และได้ปิดพื้นที่บางส่วนที่มีการสถานการณ์ ต่อมาประเทศไทยได้ออกประกาศ NOTAM พื้นที่ห้วงอากาศอันตรายในพื้นที่ต่อเนื่องที่ได้รับผลกระทบในส่วนของประเทศไทย
โดยพลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(CAAT) กล่าวว่า CAAT ได้ดำเนินการประสานงานอย่างต่อเนื่องกับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด(บวท.) และศูนย์บริหารจัดการห้วงอากาศ (AMC) ซึ่งมีผู้แทนกองทัพร่วมปฏิบัติงาน โดยการประกาศพื้นที่ดังกล่าวของกัมพูชาเป็นพื้นที่จำกัดไม่ส่งผลกระทบต่อการจราจรทางอากาศที่เดินทางออกจากประเทศไทย เนื่องจากสามารถใช้เส้นทางบินอื่นหลีกเลี่ยงได้ เที่ยวบินต่างๆ ที่จะเดินทางเข้าหรือออกประเทศไทยได้ตามปกติเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศจึงสามารถปฏิบัติการได้อย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ ยังไม่พบการยกเลิกเที่ยวบิน หรือความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญในสนามบินต่างๆ ของประเทศไทย
CR : pptvhd36