วันนี้ (9 กรกฎาคม 2568) ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในงาน 55 ปี Nation “Exclusvie Talk : ผ่าทางตันประเทศไทย” ตอนหนึ่งถึงประเด็นเกี่ยวกับการเจรจาภาษีนำเข้ากับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า ต้องเข้าใจว่าทรัมป์ เป็นนักธุรกิจ วิธีการของเขาคือนักธุรกิจ เหมือนกับบริษัทใหญ่มีอำนาจต่อรองสูง และการเจรจาก็ไม่ใช่ว่าจะจบ แต่สามารถต่อรองได้ เหมือนยัดให้ติดมุมก่อนแล้วค่อยคุยกัน
โดยกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งจดหมายยืนยันรัฐบาลสหรัฐอเมริกา จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 36% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2025 เป็นต้นไปนั้น เห็นว่า จดหมายฉบับดังกล่าวถูกส่งออกมาจากทำเนียบขาว แต่ข้อเสนอของไทยที่ได้ปรับปรุงรายละเอียดใหม่ ได้ส่งไปถึงหน่วยงานของสหรัฐแล้ว แต่ยังไม่ถึงทำเนียบขาว ซึ่งสหรัฐฯ ก็สรุปออกมาก่อน เมื่อเป็นอย่างนี้เราก็ไม่ได้หยุดที่จะเจรจาต่อ
“ตอนนี้เราไม่หยุดเจรจากับสหรัฐฯ แต่ถ้าเร่งเจรจาแล้วยอมทุกอย่าง แก้ผ้าให้เลย เราก็คงถูกชำเราฟรี วันนี้จึงต้องคิดทางถอย เพราะถ้าเราให้ไปทุกอย่างก็ไม่ไหว โดยจะให้เท่าที่ไม่เสียหายเท่านั้น” นายทักษิณ ระบุ
นายทักษิณ กล่าวว่า ปัจจุบันการส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ มีด้วยกัน 3 ประเด็น ประเด็นที่หนึ่ง คือ สินค้าที่จ้างผลิตในประเทศไทย และส่งไปสหรัฐฯ การจะย้ายฐานการผลิตบางอย่างทำได้ยาก ก็ต้องรับสภาพค่าใช้จ่ายไป ประเด็นที่สอง คือ สินค้าที่ได้ชิ้นส่วนมาจากจีน และมาประกอบในไทย ก่อนส่งไปสหรัฐฯ ซึ่งถ้าหายไปก็คงไม่เดือดร้อนมากนัก
ส่วนประเด็นที่สามที่เดือดร้อนหนักคือ สินค้าที่กระทบกับเอสเอ็มอี และเกษตรของไทย ซึ่งมีความจำเป็นต้องหาทางป้องกันส่วนนี้ โดยภายในสัปดาห์นี้จะหารือกันในรายละเอียดอีกครั้ง โดยยืนยันว่า จะยอมในสิ่งที่เป็นไปได้เท่านั้น
ขณะเดียวกันยังเตรียมพิจารณาเราของบริการจากสหรัฐฯ ซึ่งบางรายการประเทศไทยไม่ได้เก็บภาษี เช่น แพล็ตฟอร์มต่าง ๆ เนื่องจากไม่ได้มีการควบคุมสตรีมมิ่ง โดยประเทศไทยจะขอความเท่าเทียมว่า เมื่อประเทศไทยเสียทุกอย่าง คุณก็ต้องเสียบ้าง