.
ธนกร ลั่น นิรโทษกรรมทางการเมืองต้องไม่รวมม.112 เด็ดขาด หนุน วิปรัฐบาลไม่พ่วงคดีทุจริต-อาญาร้ายแรง ชี้ สภาต้องเป็นตัวแทนคนไทย ปกป้องสถาบันหลักของชาติ
.
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคและส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ วาระแรกทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภาฯ จะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่พรรคเพื่อไทยเสนอกับร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยตนขอย้ำในจุดยืนที่ชัดเจนอีกครั้งว่า ในการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม โดยเฉพาะร่างพรรครวมไทยสร้างชาติเสนอไว้ จะไม่มีการยกโทษความผิดในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ฐานความผิดเกี่ยวกับการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ฯ อย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นความผิดอาญาที่ร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ มีผลกระทบจิตใจคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งสส.พรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนเราไม่มีทางยอม
โดยตนขอสนับสนุนคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ยืนยันแล้วว่าต้องไม่รวมฐานความผิดมาตรา 112 ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ถือเป็นความมั่นคงแห่งรัฐตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนของประชาชนคนไทย ต้องเป็นคนแรกที่ออกมาแสดงจุดยืนปกป้อง นอกจากนี้ใน ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ได้เสนอไว้ชัดเจนว่าต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดคดีทุจริต และคดีอาญาร้ายแรงด้วย แต่จะเป็นการนิรโทษกรรมแค่คดีทางการเมืองเท่านั้น
.
“ได้ยืนยันชัดเจนมาโดยตลอด ว่ากฎหมายนิรโทษกรรม ต้องมุ่งเป้าแค่คดีทางการเมือง ตามวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความปรองดอง สลายความขัดแย้งย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2548 เพื่อเริ่มต้นการเมืองใหม่ แต่ต้องไม่ใช่การยกโทษให้กับผู้กระทำความผิดในคดีอาญาร้ายแรงโดยเฉพาะมาตรา 112 ซึ่งเป็นการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ผมในฐานะคนไทยยอมรับไม่ได้ และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็ไม่ยอมเช่นกัน และต้องไม่ยกโทษความผิดให้กับคดีทุจริตในทุกระดับด้วย ถ้าทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เห็นตรงกันก็เชื่อว่า กฎหมายนิรโทษกรรมจะเป็นจุดเริ่มต้นการเมืองใหม่ ทุกฝ่ายจะได้หันหน้ามาร่วมมือกันพัฒนาประเทศด้วยความสามัคคี” นายธนกร กล่าว
