สุรพล เตือน หนี้ครัวเรือนไทยเกินจุดอันตราย แนะ อย่าช้าเร่งอุ้มกลุ่มเปราะบางหนี้เสียพุ่ง 1.2 แสนล้าน
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยในงานสัมมนา “PRACHACHAT EXCLUSIVE FORUM 2025 คน…พลิกวิกฤต” ภายใต้หัวข้อ “คน…พลิกวิกฤต (หนี้)” ว่า ‘หนี้’ ไม่ใช่บาป ไม่สามารถจะใช้แต้มบุญ การสวดมนต์อ้อนวอนให้หายไปได้ แต่ ‘หนี้’ เป็นสิ่งที่ต้องบริหารจัดการ
นายสุรพล กล่าวว่า หนี้ครัวเรือน คือ หนี้ที่เกิดจากการกู้ยืมโดยบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศ ซึ่งบุคคลคนนั้นจะนำเงินกู้ก้อนนั้นไปจับ จ่ายใช้สอยหรือใช้ประกอบธุรกิจก็นับว่าเป็นหนี้ครัวเรือน โดยผู้ให้กู้ในกรณีหนี้ครัวเรือน (Household Debt) คือ สถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็น เงินกู้ซื้อบ้าน ซื้อคอนโด เงินกู้ซื้อรถ เงินกู้ไปลงทุนเปิดร้านอาหาร หรือแม้กระทั่ง เงินกู้เพื่อซื้อของ ฟุ่มเฟือย ทั้งหมดจะนับว่าเป็น หนี้ครัวเรือน
นายสุรพล กล่าวว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยล่าสุดว่าไตรมาส 4 ปี 2567 หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 16.4 ล้านล้านบาท หรือ 88.4% ต่อจีดีพี ซึ่งถือว่าเกินระดับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเคยระบุว่าเป็น “จุดอันตราย” ที่ 80% ต่อจีดีพี และ จากข้อมูลเครดิตบูโร พบว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือกลุ่มรายได้น้อย โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระและแรงงานนอกระบบ ซึ่งรายได้ยังไม่ฟื้นกลับมาสู่ระดับก่อนโควิด แม้ผ่านมาหลายปี ส่งผลให้เกิดภาวะ “หลุมรายได้” ขณะที่ภาระหนี้และดอกเบี้ยยังคงสะสมต่อเนื่อง
“รายได้โตปีละ 3% แต่ภาระหนี้โตปีละ 5% สมการนี้ไม่มีใครรอดแน่” นายสุรพล กล่าว
นายสุรพล กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบว่า มีผู้กู้ประมาณ 3.3 ล้านคนที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาท แต่กลับกลายเป็นสถานะหนี้เสีย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 120,000 ล้านบาท หรือประมาณ 10% ของหนี้เสียทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นายสุรพล กล่าวว่า สถานการณ์สินเชื่อในภาพรวมยังสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบการเงิน โดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่แนวโน้มผิดนัดชำระเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันสินเชื่อประเภท “ซื้อก่อน ผ่อนทีหลัง” หรือ Buy Now Pay Later ก็ขยายตัวในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น ซึ่งอาจยิ่งซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว
นายสุรพล เตือนว่า หากยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง หนี้เสียจะยังคงพอกพูนต่อไป และอาจกระทบเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในภาพรวม พร้อมเรียกร้องให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม และย้ำว่าการแก้ไขปัญหาไม่ควรมองประชาชนเป็นเพียงตัวเลขในกราฟ แต่ต้องมองเห็น “ชีวิต” ที่อยู่เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้น
“หากไม่มีมาตรการที่ ‘จริงจัง’ และ ‘เข้าเป้า’ ปัญหานี้จะไม่ใช่แค่เรื่องหนี้ครัวเรือนอีกต่อไป แต่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติเศรษฐกิจระดับชาติ” นายสุรพล กล่าว