.
ป.ป.ช.รับไต่สวน จัดงบให้ ส.ส.เพื่อไทย แบ่งเค้กงบภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน แหล่งข่าวจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.ได้มีมติเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน รับเรื่องให้ไต่สวนการทุจริตแผนการใช้งบประมาณโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 โดยปีดังกล่าวมีการอนุมัติโครงการทั้งสิ้น 28,990 โครงการ และปรากฏว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นผู้อนุมัติเสนอเข้าสู่ที่การประชุม ครม. รวมงบประมาณทั้งสิ้น 51,584.00817 ล้านบาท โดยยื่นเรื่องเข้ามาให้ ป.ป.ช.สอบสวน เมื่อปลายเดือนเมษายน 2568
ผู้ร้องได้ให้ข้อมูลเอกสารหลักฐานกับ ป.ป.ช. โดยกล่าวหา 1.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขต พรรคเพื่อไทย (พท.) 2.นายสาโรจน์ หงษ์ชูเวช 3.นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ อดีต ส.ส.พรรคพท. 4.นายจักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกฯ และ 5.นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผอ.สำนักงบประมาณ มีการจัดงบประมาณการแก้ปัญหาภัยแล้งให้กับนักการเมืองพรรค พท.คนละ 50 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 144
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุในหนังสือร้องเรียนทำนองว่า มีการประสานงานการตั้งเรื่องงบประมาณดังกล่าว ส.ส.ของพรรค พท. โดยกำหนดวงเงินงบประมาณรายละ 50 ล้านบาท ไปจัดสรรกันเป็นการภายใน จากนั้นนำมาส่งให้ นาย จ. เป็นผู้กลั่นกรองคำขอในส่วนการเมือง โดยมี นาย ส. คุมบัญชีคำขอดังกล่าวอีกชั้น โดยยกตัวอย่างในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับงบประมาณ บางพื้นที่จะได้ 30 ล้านบาท บางพื้นที่จะได้กว่า 100 ล้านบาท
เมื่อ ป.ป.ช.ได้รับเรื่องมาแล้วตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มาตรา 88 กำหนดว่า เมื่อความปรากฏต่อ ป.ป.ช.หรือได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสี่ ให้ป.ป.ช.สอบสวนโดยพลัน และเมื่อเห็นมีมูลให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ มาตรา 89 กำหนดเรื่องการเรียกคืนเงินกระทำได้ใน 20 ปีนับแต่วันจัดสรรงบประมาณ ซึ่งเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ป.ป.ช.วาระจร และได้มีมติรับเรื่องไว้สอบสวนไต่สวน
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.กล่าวว่า นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังทราบข่าวเป็นการภายในว่า งบปี 2569 ที่มีรายการนำงบกลาง จำนวน 1.2 แสนล้านบาท มาใช้ลงพื้นที่ของนักการเมือง โดยมีการทำพฤติกรรมเช่นเดียวกับการร้องเรียนดังกล่าว คือให้ ส.ส.เขต เสนองบกลางลงพื้นที่เลือกตั้งของตนเอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงบทำถนนแทบทั้งสิ้น โดยกำหนดว่าทำให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ ก่อนนำเรื่องเสนอ ครม.ในสัปดาห์หน้า (10 มิถุนายน) งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมีการแปรญัตติปรับลดงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อนำมาไว้ที่งบกลาง ส่งผลให้งบกลางมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนล้านบาท