ข่าวประจำวัน » แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบเข้ม!! ปมเบี้ยเลี้ยงทิพย์ จชต. หากพบทุจริตเจอโทษหนักถึงขั้นดำเนินคดี

แม่ทัพภาค 4 สั่งสอบเข้ม!! ปมเบี้ยเลี้ยงทิพย์ จชต. หากพบทุจริตเจอโทษหนักถึงขั้นดำเนินคดี

7 June 2025
22   0

.

แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปรากฏข่าวว่า มีการบรรจุกำลังพลในพื้นที่ จชต. แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติงานจริง
ตามที่สื่อสังคมออนไลน์ ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการบรรจุกำลังพลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามของกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติงานจริง โดยมีเงินเบี้ยเลี้ยงสนามโอนเข้าบัญชีกำลังพลและต้องโอนกลับคืนไปยังเจ้าหน้าที่ซึ่งทำการรวบรวมเงินนั้น
ภายหลังทราบเรื่อง พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวในขั้นต้นแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้

  1. กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1- 4 เป็นหน่วยขึ้นตรง กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย ปฏิบัติงานภายใต้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ในภารกิจรักษาความมั่นคงภายในของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 กันยายน 2568
  2. การจัดกำลังพลเข้าปฏิบัติงานของ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1- 4 จะขอรับการสนับสนุนจากหน่วยต่างๆของ กองพลทหารราบที่ 15 ซึ่งมีหน่วยขึ้นตรงตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับในปีงบประมาณ 2568 ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ได้มีนโยบายหมุนเวียนกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม ณ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 โดยให้ความเร่งด่วนต่อผู้ที่ปฏิบัติงานในส่วนอำนวยการของหน่วยปกติเป็นหลัก เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสนาม
  3. อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นปีงบประมาณ 2568 ปรากฏว่า กำลังพลส่วนที่มีรายชื่อปฏิบัติงานใน กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 ชุดใหม่ ยังไม่สามารถโอนถ่ายภาระงานของหน่วยปกติที่รับผิดชอบอยู่ให้กับกำลังพลชุดใหม่ที่เข้ามารับงานต่อได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจ ประกอบกับงานด้านเอกสารมีขั้นตอนการปฏิบัติที่ต้องให้ผู้รับงานใหม่ฝึกปฏิบัติควบคู่กับกำลังพลที่ทำอยู่แล้วเดิม ต่อมาพบว่ากำลังพลชุดใหม่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ผลเป็นที่น่าพอใจเกรงจะกระทบต่อการบริหารจัดการด้านอำนวยการของหน่วย ดังนั้น นายทหารฝ่ายกำลังพล กองพลทหารราบที่ 15 จึงนำเรียนผู้บังคับบัญชา ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และเสนอให้กำลังพลทั้ง 20 นาย ดังกล่าวยังคงปฏิบัติงานในหน่วยปกติ และขอให้พิจารณาจัดกำลังพลชุดใหม่ไปทดแทน
  4. สำหรับเบี้ยเลี้ยงกำลังพลที่จะได้รับตามสิทธิเมื่อปฏิบัติราชการสนามนั้น เมื่อกำลังพลทั้ง 20 นาย มิได้ปฏิบัติงาน ณ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 จึงไม่มีสิทธิที่จะได้รับ แต่เนื่องจากระบบการจ่ายเบี้ยเลี้ยงจะโอนตรงไปที่กำลังพลแต่ละนาย ดังนั้นนายทหารฝ่ายกำลังพล กองพลทหารราบที่ 15 จึงได้แจ้งกำลังพลเป็นรายบุคคลให้ส่งคืนเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับในแต่ละเดือน กลับคืนไปยังจ่ากองร้อย ป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 เพื่อรวบรวมและเตรียมส่งคืนให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เมื่อมีคำสั่งพ้นหน้าที่ของกำลังพลทั้ง 20 นาย ต่อไป
  5. ต่อมาห้วงเดือน เมษายน 2568 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ออกคำสั่งปฏิบัติหน้าที่ให้กับ กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย และ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 ดังนั้น กองบังคับการควบคุมสุริโยทัย และ กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 จึงได้ยกร่างคำสั่งพ้นหน้าที่ของกำลังพลทั้ง 20 นาย และขอรับการสนับสนุนกำลังพลใหม่ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ใน กองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2568 ซึ่งปัจจุบันกำลังพลชุดใหม่ บางส่วนได้ทยอยเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่แล้ว
  6. สำหรับเบี้ยเลี้ยงที่เป็นปรากฎในข่าวนั้น เนื่องจากต้องรอคำสั่ง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้กำลังพลทั้ง 20 นายพ้นหน้าที่ก่อน จ่ากองร้อยที่เป็นผู้รวบรวมเงินทั้งหมด จึงจะสามารถนำส่งเงินคืนได้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา มีกำลังพลบางนายได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้เป็นการส่วนตัว ไม่นำส่งเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนให้กับจ่ากองร้อย ส่งผลให้เมื่อระยะเวลาใกล้คำสั่งพ้นหน้าที่มีผลบังคับใช้แล้ว จะเป็นภาระที่หนักในการคืนเงินให้กับทางราชการ จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความไม่เข้าใจและนำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนกับสื่อต่างๆ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ในการสร้างความเข้าใจและร่วมในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป
    กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอยืนยันว่า มิได้มีการบรรจุกำลังพลเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการสนามของกองร้อยป้องกันชายแดนที่ 1 – 4 แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติงานจริงตามที่ปรากฏข่าวในสื่อแต่อย่างใด และขอเรียนให้ทราบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ำให้ ผู้บังคับหน่วยทุกระดับชั้น กำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของกำลังพลทุกนาย โดยไม่มีนโยบายให้บรรจุกำลังพลโดยไม่ต้องออกปฏิบัติงาน เนื่องจากเป็นการทุจริตและส่งผลต่อประสิทธิภาพของหน่วย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อกรณีดังกล่าว ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกนาย ทั้งนี้ หากผลการสอบข้อเท็จจริง พบว่าหน่วย หรือบุคคลใด กระทำความผิดตามที่ปรากฎในข่าว จะถือเป็นความผิดร้ายแรงฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา โดยจะลงโทษตามระเบียบ และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป