สำนักข่าวอิศรารายงานว่า…
ป.ป.ช.ปัตตานี ยันเชิญตัว “นายกฯเศรษฐ์” ส่งอัยการเพื่อนำตัวยื่นฟ้องศาลคดีทุจริตฯจริง หลังจี้ให้เร่งดำเนินคดีอาญาข้ามปีแต่ไม่คืบหน้า เหตุชี้มูลความผิดในฐานะ นายก อบจ.ปัตตานี ปมนำรถส่วนกลางของราชการไปใช้ส่วนตัวนานมากแล้ว แต่เจอทนายแผ่นดินอนุญาตเลื่อนส่งฟ้องถึง 7 ครั้ง ล่าสุดอยู่ระหว่างลุ้นประกันตัววันพุธที่ 21 พ.ค.2568 มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ในสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดปัตตานี ยืนยัน ได้มีการเชิญตัว นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี (อบจ.ปัตตานี) ไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตามที่เป็นข่าวจริง ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายเศรษฐ์ กรณีนำรถยนต์ส่วนกลางของ อบจ. ปัตตานี ไปใช้ส่วนตัว และเดินทางไปท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.2566
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อถอดถอนนายเศรษฐ์ ออกจากตำแหน่งภายใน 30 วัน โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอีก และให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมทั้งได้ส่งสำนวนและเอกสารถึงอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีต่อศาลซึ่งมีเขตอำนาจ และแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับทราบด้านความเคลื่อนไหวของนายเศรษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา ได้ยื่นขอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยตรง และขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยื่นทบทวนมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. 2 ครั้ง ในปี พ.ศ.2567โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มีความเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้ขอให้ทบทวนมติ แต่ไม่ได้มีพยานหลักฐานใหม่ และอยู่ระหว่างพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยต่อมา กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้ทำความเห็นเสนอปลัดกระทรวงมหาดไทยว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด ระหว่างปี พ.ศ. 2560–2561 ซึ่งสถานะของผู้ถูกกล่าวหา คืออยู่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) แต่วาระการดำรงตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหา อยู่ระหว่างวันที่ 14 ต.ค.2555 ถึงวันที่ 13 ต.ค.2559 ฉะนั้นช่วงเวลาที่มีการกล่าวหาว่ากระทำควาผมิด ผู้ถูกกล่าวหาได้พ้นจากตำแหน่งหน้าที่นายก อบจ. ปัตตานี เกินกว่า 2 ปีไปแล้ว
ดังนั้น จึงไม่สามารถขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถอดถอนบุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.ปัตตานี ได้แต่ในส่วนสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ประชุม 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2567 มีมติไม่ทบทวนมติเดิมที่ชี้มูลความผิด เนื่องจากหนังสือขอความเป็นธรรมและขอทบทวนมติของผู้ถูกกล่าวหา มิใช่หนังสือของผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และไม่มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานใหม่ครั้งที่ 2 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประชุม เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2568 เป็นการพิจารณาข้อโต้แย้งข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวน และอัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีดังกล่าวแล้ว ประกอบกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยมีมติไม่ทบทวน จึงได้มีมติไม่ทบทวนมติเดิมทั้งนี้ ได้มีหนังสือแจ้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อทราบ และดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดำเนินคดีอาญา แม้สำนักงานคดีปราบปรามทุจริตภาค 9 ได้แจ้งไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 9 ให้ส่งตัวผู้ถูกกล่าวหาไปพบอัยการ เพื่อฟ้องต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ในวันที่ 29 ส.ค.2567 แต่ผู้ถูกกล่าวหามอบอำนาจยื่นคำร้องต่ออัยการขอเลื่อนการฟ้องคดีออกไปโดยอัยการมีความเห็นว่า มีเหตุอันสมควร จึงอนุญาตให้เลื่อนอีกหลายครั้ง
16 ธ.ค.2567 อัยการกำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัว แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ไปรายงานตัว และมอบอำนาจเพื่อขอเลื่อนฟ้องคดีเป็นครั้งที่ 4 22 ม.ค.2568 ผู้ถูกกล่าวหามอบอำนาจแก่ผู้รับมอบอำนาจให้เลื่อนฟ้องคดีเป็นครั้งที่ 5 อัยการจึงได้มีหนังสือแจ้งผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัวต่ออัยการเพื่อฟ้องต่อศาลวันที่ 6 ก.พ.2568 แต่ผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัวต่ออัยการ แต่ไม่ไปศาล โดยอ้างว่าอยู่ในระหว่างขอความเป็นธรรม และขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทบทวนมติอัยการจึงมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรายงานตัวอีกครั้ง
วันที่ 11 มี.ค.2568 ล่าสุดทราบว่ายังไม่ไปรายงานตัว สำนักงาน ป.ป.ช. จึงได้ประสานงานและติดตามความคืบหน้าไปทางอัยการสูงสุดทั้งนี้ หากอัยการสั่งฟ้องและศาลที่มีเขตอำนาจประทับรับฟ้อง จะมีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาจะต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่อนึ่ง ที่ผ่านมาเคยมีข้อมูลทั้งจากฝั่งอัยการ และ ป.ป.ช.ว่า คดีนี้ถูกเลื่อนมาถึง 7 ครั้ง
รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดปัตตานี ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า กรณีดังกล่าวมีการเลื่อนฟ้องคดีมาหลายรอบ และรอบนี้ทางอัยการไม่ให้เลื่อน ส่วนจะได้ประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการตามกระบวนการนายปิยะวัฒน์ คุระพูล ผู้อำนวยการกลุ่มประสานการป้องกันการทุจริตภาค 9 กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ขณะนี้ได้ส่งตัวนายเศรษฐ์ให้อัยการ และอัยการส่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อฟ้องคดี ส่วนจะได้ประกันตัวหรือไม่อยู่ระหว่างดำเนินการ