ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า การใช้คำว่า “พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของชาติ” หรือ “เป็นมรดกของชาติ” เป็นการใช้คำที่มีความเหมาะสมและสื่อถึงคุณค่าที่แท้จริงของสถาบันพระมหากษัตริย์
เหตุผลที่เห็นว่าเหมาะสม:
- ครอบคลุมมิติที่หลากหลาย: คำว่า “มรดกทางวัฒนธรรมและจารีตประเพณี” นั้นครอบคลุมทั้งในด้านที่เป็นสิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน (จารีตประเพณี) และคุณค่าทางจิตใจ ความเชื่อ ค่านิยม และเอกลักษณ์ของชาติ (วัฒนธรรม) ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ได้หล่อหลอมและเป็นส่วนสำคัญของสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด
- เน้นย้ำความเป็นของชาติร่วมกัน: คำว่า “มรดกของชาติ” สื่อให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้เป็นสมบัติส่วนบุคคลของใคร แต่เป็นสิ่งที่ชาติไทยทุกคนมีส่วนร่วมและควรภาคภูมิใจร่วมกัน
- สื่อถึงความต่อเนื่องและความยั่งยืน: คำว่า “มรดก” บ่งบอกถึงสิ่งที่สืบทอดจากอดีตสู่ปัจจุบันและจะส่งต่อไปยังอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทมายาวนานในการสร้างชาติและรักษาความเป็นปึกแผ่น
- สร้างความรู้สึกร่วมในการปกป้องรักษา: เมื่อมองว่าเป็น “มรดกของชาติ” ย่อมกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันและความรับผิดชอบในการปกป้องรักษาสิ่งที่มีคุณค่านี้ไว้
ข้อดีของการใช้คำเหล่านี้:
- สื่อสารคุณค่าทางนามธรรม: นอกเหนือจากบทบาททางกฎหมายและการเมือง คำเหล่านี้สื่อถึงคุณค่าทางจิตใจ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่จับต้องได้ยากแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
- สร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง: ช่วยให้ผู้คนเข้าใจถึงความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทย
- ส่งเสริมความภาคภูมิใจในชาติ: การตระหนักว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นมรดกอันล้ำค่าของชาติจะนำไปสู่ความภาคภูมิใจในความเป็นไทย
ข้อควรพิจารณา:
- บริบทในการใช้งาน: การเลือกใช้คำอาจแตกต่างกันไปตามบริบทของการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ทั้งสองวลีนี้มีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการเน้นย้ำถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยรวมแล้ว ผมเห็นว่า การใช้คำว่า “พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและจารีตประเพณีของชาติ” หรือ “เป็นมรดกของชาติ” เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีพลังในการสื่อสารคุณค่าและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อชาติไทย