ข่าวประจำวัน » ยื้อชั้น 14 !! ผช.ผบ.ตร. ดิ้นขอความเป็นธรรมกรณีแพทยสภาพักใบอนุญาตหมอ

ยื้อชั้น 14 !! ผช.ผบ.ตร. ดิ้นขอความเป็นธรรมกรณีแพทยสภาพักใบอนุญาตหมอ

14 May 2025
18   0

.

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา ที่อาคาร DOH Data Center กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา รับมอบหนังสือขอความเป็นธรรมกรณีผลการลงมติของแพทยสภา จาก นายสุรินทร์ สู่สวัสดิ์ ทนายความของ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 9.00 น. ที่กรมควบคุมโรค มีการประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข โดยมี นายสมศักดิ์ เป็นประธานการประชุม แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่าได้มอบหมายให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าประชุมแทน

นายสุรินทร์ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากพล.ต.ท.โสภณรัชต์ มาร้องขอความเป็นธรรมตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งได้พูดคุยข้อเท็จจริงกับนายกองตรี ดร.ธนกฤต พร้อมระบุไว้ในเอกสารขอความเป็นธรรมแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายังไม่มีการเปิดเผยคำสั่งลงโทษของทางแพทยสภา แต่การจะร้องขอความเป็นธรรมนั้นต้องดำเนินการก่อนที่สภานายกพิเศษฯ จะมีการลงความเห็น เพราะถ้าหากพ้นจาก 15 วันที่แพทยสภาส่งมติมา แล้วสภานายกพิเศษฯ ไม่ได้ให้ความเห็นอะไรกลับไป แพทยสภาก็จะยึดตามมติเดิม พอถึงตอนนั้นแล้วก็ต้องมีการฟ้องต่อศาลปกครอง

@อ้างไม่เคยบอกว่า ‘ทักษิณ’ ป่วยวิกฤติ

โดย นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (13 พ.ค. 668) ได้รับการประสานงานมาจาก พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ซึ่งได้พูดคุยกันประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง จึงได้เรียนนายสมศักดิ์ แล้วว่าจะมีการมายื่นขอความเป็นธรรม โดยหลักจะมีอยู่ 8 ประเด็นที่พล.ต.ท.โสภณรัชต์มีความไม่สบายใจและขัดข้องใจ เนื่องจากได้ทราบข้อมูลต่างๆ มาจากสื่อกับการแถลงข่าวของอุปนายกแพทยสภา โดยยังไม่ได้รับหนังสือใดๆ จากแพทยสภา ซึ่งคงจะมีลักษณะคล้ายกับ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ที่มอบหมายทนายความมายื่นเรื่องเมื่อวานนี้ โดย พล.ต.ท.โสภณรัชต์ เป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในการไต่สวนของแพทยสภา จึงเข้าใจได้โดยปริยายว่าท่านเป็นผู้ที่ถูกมีคำสั่งถูกลงโทษ

“สิ่งที่เป็นความอึดอัดใจของท่านพล.ต.ท.โสภณรัชต์ ท่านขอยืนยันว่าไม่เคยพูดคำว่า ผู้ป่วยวิกฤติขนาดไหนอย่างไร ประเด็นต่อมาคือท่านเป็นเพียงผู้บังคับบัญชา และไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยโรค ดังนั้นสิ่งที่ท่านได้รับคือความเห็นของแพทยสภา ระบุว่าท่านเป็นคนให้ข่าวกับสื่อมวลชน ในการแถลงข่าวเรื่องราวทั้งหลาย ทำให้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ท่านบอกว่า ท่านพูดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น ว่ามีการรับตัวผู้ป่วยมาในช่วงเวลาดังกล่าว ดูจากผลวินิจฉัยโรคของแพทย์ ดูผลทะเบียนประวัติที่ส่งมาตั้งแต่ที่อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร เข้ามารักษาตัวจากต่างประเทศ และมีการตรวจสุขภาพต่างๆ จึงพบรอยโรคที่เกิดขึ้น” นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าว

นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวต่อว่า การให้ข้อมูลผู้ป่วยเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย เพราะบางคนมีโรคที่อาจเกิดความไม่สบายใจได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ท่านจะให้ข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน หรือให้ได้เท่าที่ผู้ป่วยอนุญาต เป็นเหตุที่ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ไม่สบายใจ เพราะท่านไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยโรค เพียงผู้แจ้งข้อมูลให้กับสื่อมวลชนทราบ ดังนั้นการที่ท่านได้รับโทษตรงนี้ เหมือนเป็นการประหารชีวิตการทำงานราชการของท่านตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

@2 นายแพทย์แค่ให้ข่าวสื่อ ไม่ใช่ผู้วินิจฉัยโรค

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้พล.ต.ท.โสภณรัชต์ มั่นใจว่าเป็นหนึ่งในผู้ถูกลงโทษจากแพทยสภา นายสุรินทร์ กล่าวว่า มีการเปิดเผยข้อมูลจากสื่อมวลชน โดยเฉพาะรายการเจาะลึกทั่วไทย เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยชื่อชัดเจน

เมื่อถามย้ำว่าแพทย์ทั้ง 2 ท่าน ที่มาร้องขอความเป็นธรรม ทราบอยู่แล้วว่าตัวเองจะถูกกล่าวโทษ นายสุรินทร์ กล่าวว่า มีการเปิดเผยจากสื่อว่ามีการภาคทัณฑ์แพทย์ 2 ท่าน เป็นหมอจากโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ ก็จะมีแพทย์ใหญ่กับ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ท่านจึงมองว่าเป็นความไม่เป็นธรรม เนื่องจากท่านไม่ได้เป็นผู้รักษา เป็นเพียงผู้ที่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน โดยนำข้อมูลจากแพทย์ผู้ทำการรักษามาแจ้งให้กับสื่อมวลชน แต่ท่านกลับถูกลงโทษว่าให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ถามถึงความเป็นไปได้ที่แพทยสภาจะพิจารณาจากเอกสารที่มีการลงนามโดยแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ นายสุรินทร์ กล่าวว่า ข้อมูลจาก พล.ต.ท.โสภณรัชต์ ยืนยันว่าไม่ได้มีการเซ็นเอกสารแม้แต่ใบเดียว

เมื่อถามว่าหนังสือที่มาร้องขอความเป็นธรรมในวันนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยส่งไปยังแพทยสภา รวมถึงเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเวชระเบียนของผู้ป่วยหรือไม่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูในรายละเอียด แต่เมื่อวานมีการร้องเรียนในประเด็นการให้ข้อมูลเชิงประจักษ์ ส่วนวันนี้ท่านมาร้องเรียนเนื่องจากท่านไม่ได้เป็นผู้วินิจฉัยโรค จึงต้องเอาเอกสารจากทั้ง 2 ท่านมาดู ส่วนเรื่องการลงโทษจากแพทยสภาว่าเป็นใครบ้าง ตรงนี้ตนยังไม่เห็น แต่ถ้ามาถึงก็จะรู้ว่ามีการกล่าวหาใคร และตรงกับข้อมูลของทั้ง 2 ท่านหรือไม่ แล้วมีเนื้อหาที่ได้รับมาเพิ่มเติมนี้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการเอามาประกอบการพิจารณาของสภานายกพิเศษฯ

“หลายคนอาจจะสงสัยว่าพอมีประเด็นแบบนี้จะทำให้สภานายกพิเศษฯ สั่งกลับไปทบทวนหรือไม่ แต่กฎหมายไม่ได้เปิดให้ทำแบบนั้น จะให้สรุปความเลยว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับแพทยสภา จะต้องตอบกลับภายใน 15 วันหลังได้รับหนังสือ” นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่ผู้ที่มาร้องขอความเป็นธรรมไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในรายชื่อการลงโทษของแพทยสภา เอกสารเหล่านี้จะไปเปลี่ยนแปลงมติของแพทยสภาได้หรือไม่ นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า หากทั้ง 2 ท่านไม่ได้เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา เราจะนำเอกสารไปพิจารณาได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ที่มาร้องขอความเป็นธรรม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาพิจารณา เพราะท่านมาร้องขอความเป็นธรรมให้ตัวเอง ไม่ได้ร้องขอความเป็นธรรมให้คนอื่น