วิหกนิวส์ต้องบอกเลยว่าจากนายรัชนาวี หรือ อารี เปิดเผยว่า ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากคนเดียว หลังจากที่พ่อแม่แยกกันไปกว่า 3 ปี แล้วไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งให้ตนเองอยู่บ้านเพียงลำพังกับสภาพบ้านที่ใกล้จะพังลงไปทุกที ทั้งพื้นที่ทรุดลง หลังคาสังกะสีที่รั่วและชำรุดหลายจุด รวมไปถึงพนังบ้านที่พร้อมจะหลุดออกจากตัวบ้านได้ทุกเมื่อ หากเจอลมแรง ซึ่งตนเองทำงานได้วันละ 300 บาท แค่ค่ากินค่าใช้ ก็หมดแล้วในแต่ละวัน ไม่มีเงินที่จะมาซ่อมแซมบ้าน บางวันไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ก็ต้องไปขอป้า ที่มีรายได้ไม่มากนัก ส่วนพ่อแม่ ก็แวะมาเยี่ยมบ้างเป็นบางครั้ง บางครั้งตนเองก็ไปหา ก็ไม่กล้าขอเงิน เพราะทั้งพ่อ ทั้งแม่ ก็ลำบากเช่นกัน บางวันตนเองไปทำงานก็ไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ตนเองต้องกินน้ำแทน เพราะไม่กล้ายืมเงินเพื่อนร่วมเงิน แม้ว่าเพื่อนร่วมงานจะยื่นมือมาช่วยก็ตาม เพราะเกรงใจ
“บางครั้งถ้ามีฝนตกลงมาเยอะ ๆ และมีลมแรง ก็จะย้ายไปนอนบ้านป้าแทนชั่วคราว เพราะกลัวบ้านจะถล่มลงมา ซึ่งปัจจุบันมีเพียงไม้ค้ำท่อนใหญ่ค้ำบ้านเพียงท่อนเดียว เมื่อไม่ให้ยุบตัวลงมา หากท่อนไม้ท่อนนี้พังบ้านหลังนี้ก็จะถล่มลงมา ซึ่งทางป้าและตนเองได้พยายามขอความช่วยเหลือจากหลาย ๆฝ่ายแล้วจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังอยู่ระหว่างการดำเนิน แต่กลัวไม่ทัน จึงอยากจะขอร้องผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือซ่อมบ้านหลังนี้ให้” นายรัชนาวี กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนางสายพิน ถนอมวงศ์ อายุ 47 ปี ป้าของนายรัชนาวี กล่าวว่า พยายามชวนหลานชายไปอยู่บ้านแล้วหลายครั้ง แต่หลานชายก็ไม่ยอมไป เพื่อเป็นห่วงบ้าน และตนเองพยายามติดต่อทำเรื่องขอความช่วยเหลือจากเทศบาลตำบลน้ำเชี่ยวแล้ว โดยทางเทศบาลรับปากที่จะให้การช่วยเหลือ แต่ขอดูแนวทางการช่วยเหลือก่อน แต่ตนเองกลัวว่าการดำเนินการจะล่าช้าเกินไป จึงอยากจะขอร้องผู้ใจบุญหรือหน่วยงานไหนก็ได้เข้าช่วยเหลือ เพราะครอบครัวตนเองก็ยากจน ไม่มีเงินพอที่จะช่วยเหลือได้ ส่วนหลานก็ทำงานได้เพียงวันละ 300 บาทเท่านั้น แค่ใช้กินก็หมดแล้ว
