ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #บี้เล่นงานกษัตริย์ ! ปิยบุตร ขยี้ ต้องปฏิรูปกษัตริย์ให้ได้

#บี้เล่นงานกษัตริย์ ! ปิยบุตร ขยี้ ต้องปฏิรูปกษัตริย์ให้ได้

22 October 2020
1303   0

[ ทำไมต้องพูดคุยเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์? ]

ในทุกรัฐ ต่างก็สร้าง “ข้อยกเว้น” หรือเอกสิทธิ์บางอย่างให้กับตำแหน่งต่างๆของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งประมุขของรัฐ ซึ่ง “ข้อยกเว้น” เหล่านั้น ต่างก็มีเหตุผลในการดำรงอยู่ เช่น เกียรติยศ สัญลักษณ์ และหน้าตาของความเป็นรัฐที่แสดงผ่านตำแหน่งประมุขของรัฐ ในนัยนี้คนที่ดำรงตำแหน่งประมุขของรัฐจึงต้องวางตนให้สมกับเกียรติที่รัฐต้องการด้วย

“ข้อยกเว้น” ที่ระบอบประชาธิปไตยยินยอมมอบให้กับตำแหน่ง “ประมุขของรัฐ” ไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดีหรือกษัตริย์ก็ตาม ต้องเป็น “ข้อยกเว้น” ที่ไม่มากจนเกินไป สมเหตุสมผล อธิบายได้

มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ที่มากจนเกินไป
มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ให้กับทุกเรื่องทุกกรณี จนทุกคนในสังคมต้องยอมให้หมดหรือได้แต่รำพึงว่า “เอาน่า ยกให้คนหนึ่ง”
มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ที่บังคับให้คนทุกคนต้องห้ามพูด ห้ามตั้งข้อสังเกตใดๆถึง “ข้อยกเว้น” เหล่านั้น
มิใช่เป็น “ข้อยกเว้น” ที่สร้างให้ตำแหน่งกษัตริย์เสมือนเป็นพระเจ้าที่อวตารลงมาบนแผ่นดิน
และต้องมิใช่ “ข้อยกเว้น” ที่เว้นให้หมดจนกระทบต่อสาระสำคัญของประชาธิปไตย

ประเด็นปัญหาปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่ประชาชนยกขึ้นมาเรียกร้องนั้น นั่นก็คือ การตั้งคำถามว่า ปัจจุบันนี้ ประเทศไทยสร้าง “ข้อยกเว้น” ให้กับสถาบันกษัตริย์มากจนเกินไปใช่หรือไม่? ทั้งข้อยกเว้นเรื่องงบประมาณ เรื่องการใช้อำนาจ เรื่องการเดินทาง เรื่องกฎหมาย เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องพิธีกรรมพิธีการ

ผมเชื่อมั่นว่า คนไทยจำนวนมากต่างก็เคยตั้งข้อสังเกต สงสัย มีคำถาม และอาจไม่เห็นด้วยกับ “ข้อยกเว้น” จำนวนมากที่มีให้กับสถาบันกษัตริย์

หลายคนอาจเป็นคนที่ใส่เสื้อเหลืองออกมาด่านักเรียน นักศึกษาในวันนี้ด้วยซ้ำ

หลายคนอาจเป็นคนที่พูดว่าจงรักภักดีกับสถาบันกษัตริย์วันละสามเวลาด้วยซ้ำ

ถ้าไม่แกล้งมองไม่เห็น ถ้าไม่แกล้งไม่ได้ยิน ถ้าเปิดตาเปิดใจบ้าง เราเดินทางมาจนถึงจุดที่เราต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ คนรุ่นหนึ่ง คนจำนวนมาก มีความเห็นต่อสถาบันกษัตริย์ไทยที่ไม่ตรงกับความเห็นของคนอาวุโสอนุรักษ์นิยม

ไม่ว่าจะใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ กล่อมเกลา อบรม ชี้แจง สั่งสอน บังคับ ขู่ ลงโทษ จับกุมคุมขัง ก็ไม่มีทางที่ทำให้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงความเห็นที่เขามีต่อสถาบันกษัตริย์ไปได้ มีแต่จะทำให้เขายิ่งไม่พอใจ โกรธ
หากรัฐบาลและผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้เลือกทำแต่แบบนี้ ไม่เลือกที่จะทำความเข้าใจ แต่เลือกที่จะใช้วิธีโหดร้ายดุดันกับพวกเขา ในที่สุด นั่นก็คือการบีบบังคับจนทำให้คนรุ่นใหม่รุ่นนี้ทั้งรุ่นกลายเป็นคนรุ่นที่มีทัศนคติแง่ลบต่อสถาบันกษัตริย์ไปตลอดกาลจนไม่มีวันหวนคืนได้

ในขณะที่คนรุ่นใหม่รุ่นนี้ต้องอยู่ในสังคมไทยอีกหลายทศวรรษ และมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นๆ ในขณะที่ผู้อาวุโสอนุรักษ์นิยมก็ทยอยล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา

เราจะปล่อยให้สังคมไทยเป็นแบบนี้หรือ?

ทำไมเราถึงไม่คุยกันอย่างมีวุฒิภาวะว่า เราจะยินยอมให้ “ข้อยกเว้น” ที่ให้กับสถาบันกษัตริย์ ล้นเกินแบบนี้ต่อไปอย่างนั้นหรือ?

ลองตั้งสติ ฉุกคิดกันสักนิด มิใช่ตั้งหน้าตั้งตาโจมตีคนอื่นว่า “ล้มเจ้า-ชังชาติ”

การปกป้องสถาบันกษัตริย์ในศตวรรษนี้ ในยุคสมัยนี้ ต้องให้เสรีภาพ ใช้ความอดทนอดกลั้น ใช้ประชาธิปไตย

เผด็จการอำนาจนิยมไม่มีทางรักษาสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดตลอดสายได้ในยุคสมัยนี้

การห้าม การบังคับ การปราบปรามด้วยกลไกทางกฎหมายหรือด้วยกำลัง การจัดมวลชนออกมาประจันหน้ากัน ไม่อาจปกป้องสถาบันกษัตริย์ได้ วิธีการเหล่านี้ มีแต่จะนำพาไปสู่สภาวะที่คาดไม่ถึง

ยังพอมีเวลา ยังพอมีโอกาส อย่าปล่อยให้สายเกินไปจนไม่อาจแก้ไขเยียวยาได้อีก

สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เริ่มต้นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ลดเลิก “ข้อยกเว้น” ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาประชาธิปไตย รักษาประชาชน รักษาประเทศไทย และเพื่อรักษาสถาบันกษัตริย์ด้วย