
ทั้งนี้ กรณีที่ดินของ น.ส.ปารีณา เป็นพื้นที่ติดแปลง พื้นที่มีการทำกินก่อนการโอนพื้นที่จากกรมป่าไม้มาให้ส.ป.ก.แล้วติดผู้ทำกินมาด้วย จึงเรียกว่าพื้นที่ติดแปลง ซึ่งในบริเวณใกล้เคียงนั้นมีเกษตรกรอีกประมาณ 40-50 ราย ไม่ได้มีเพียงของส.ส.ปารีณา จึงไม่ต่างกับชาวบ้านหรือเกษตรกรรายอื่นๆในบริเวณนั้น ที่ยังไม่เคยมีการจัดสรรหรือรังวัด
ดังนั้น ส.ป.ก.คงไม่สามารถดำเนินคดีใดๆกับผู้ถือครอง เพราะไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีกับผู้ทำกิน แต่ต้องคุยกับ นส.ปารีณา อีกครั้ง ว่ายอมรับหลักการให้รังวัดและจัดสรรพื้นที่ใหม่ หรือยอมรับ
อย่างไรก็ตาม การรังวัดที่ดิน ตรวจสอบแนวเขตส.ป.ก.ใหม่ นส.ปารีณา ต้องรับเงื่อนไขว่าสามารถถือครอง หรือทำกินบนที่ดิน ส.ป.ก.ได้ไม่เกิน 50 ไร่ต่อราย และต้องดูคุณสมบัติของผู้ที่จะทำกินด้วย ถ้าส.ส.ปารีณาต้องการ 50 ไร่ตามสิทธิที่ ส.ป.ก.สามารถจัดสรรได้ แต่ต้องมาดูคุณสมบัติ
อนึ่ง สำหรับคดีนี้ทาง สปก. ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมวางขอบเขตที่ชัดเจน ได้แก่ คณะทำงานหลักคือกรมป่าไม้ และส.ป.ก. เมื่อคณะกรรมการฯ ทำงานเสร็จ มีความชัดเจนจะแถลงชี้แจงรายละเอียดให้กับสาธารณชนทราบข้อมูล ที่ผ่านมายังไม่อยากพูดอะไร เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนในหลายอย่าง และส.ป.ก.ยืนยันไม่ได้ดำเนินการเฉพาะของส.ส.ปารีณา ต้องดำเนินการตามข้อเท็จจริงในทุกพื้นที่ของส.ป.ก.