วันที่ 30 ม.ค. 61 Sputnik พาดหัวข่าวว่า “‘แจ้งเตือน’: สหรัฐฯ ลงโทษประเทศที่มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลหรือบริษัทของรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร” (‘Put on Notice’: US to Punish Interactions With Sanctioned Russian Entities)
กระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบว่า การตอบโต้ฝ่ายปฏิปักษ์ของอเมริกาผ่านการคว่ำบาตร (Countering America’s Adversaries Through Sanctions Act – CAATSA หรือเรียกสั้นๆ ว่า “กฎหมายคว่ำบาตรศัตรูอเมริกา”) และการดำเนินการตามกฎหมายนี้ได้ยับยั้งการขายอาวุธของรัสเซีย นาง Heather Nauert โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับสำนักข่าว Sputnik
“วันนี้เราได้แจ้งให้สภาคองเกรสทราบว่า กฎหมายฉบับนี้และการดำเนินการตามกฎหมายกำลังยับยั้งการขายระบบอาวุธของรัสเซีย” นาง Nauert กล่าวเมื่อวันจันทร์ นับตั้งแต่มีการลงนามในกฎหมาย CAATSA (โดยประธานาธิบดีทรัมป์) นาง Nauert กล่าวเพิ่มอีกว่า “กรุงวอชิงตันได้ประเมินแล้วว่า รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้ยกเลิก วางแผน หรือประกาศการจัดซื้ออาวุธของรัสเซียหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ”
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐกล่าวกับ Sputnik ว่า สหรัฐฯ จะเริ่มทำการคว่ำบาตรภายใต้บทบัญญัติ 231 ของกฎหมาย CAATSA สำหรับการทำธุรกรรมบางอย่างกับหน่วยงานความั่นคงและข่าวกรองของรัสเซียในวันที่ 29 มกราคม ดังนั้น สหรัฐฯ จึงขอเตือนประเทศต่างๆ และบริษัทเอกชนทั้งหลายที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทและหน่วยงานของรัสเซียว่าจะถูกขึ้นบัญชีดำโดยกระทรวงการคลังซึ่งจะถูกคว่ำบาตรด้วย
“กล่าวโดยทั่วไป ควรจะมีการดำเนินการคว่ำบาตร ซึ่งเบื้องต้นจะเน้นไปที่หน่วยงานหรือบริษัทต่างๆ ที่ไม่ใช่รัสเซีย ที่จะต้องรับผิดชอบสำหรับการทำธุรกรรมที่มีนัยสำคัญกับฝ่ายความมั่นคงและหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย รัฐบาลต่างประเทศและภาคเอกชนได้รับการแจ้งเตือนแล้ว ทั้งภาคสาธารณะและส่วนบุคคล ซึ่งรวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ USG ที่เหมาะสม ซึ่งการทำธุรกรรมที่มีนัยสำคัญกับหน่วยงานของรัสเซียที่ถูกขึ้นบัญชีจะนำไปสู่การคว่ำบาตร” เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศกล่าวกับ Sputnik
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวอีกว่า สหรัฐฯ ได้ใช้กฎหมายฉบับนี้เพื่อกดดันให้รัสเซียแก้ไขปัญหาความกังวลของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวกับการรุกรานและการแทรกแซงยูเครนตามที่กล่าวหารัสเซีย
“การคว่ำบาตรเหล่านี้จะยังคงมีต่อไป จนกระทั่งรัสเซียได้แก้ไขปัญหาจนเป็นที่น่าพอใจของสภาคองเกรส และรัฐบาลชุดนี้ การดำเนินการใดๆที่เป็นการยั่วยุหรือบ่อนทำลายเสถียรภาพจะนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ด้วย” เจ้าหน้าที่กล่าว
“โดยการยับยั้งประเทศต่างๆ จากการครอบครองยุทโธปกรณ์และข่าวกรองของรัสเซีย เรากำลังปฏิเสธรัสเซียที่จะขายอาวุธเหล่านั้น ซึ่งจะใช้ในแคมเปญจ์ระหว่างประเทศและขยายอิทธิพลที่ชั่วร้ายของตนเองและบ่อนทำลายเสถียรภาพ” เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าว
ใครจะโดนเชือดเป็นรายแรก? วันเดียวกันนี้ Sputnik พาดหัวข่าวว่า “สหรัฐฯ อาจจะคว่ำบาตรต่อตุรกี หลังจากตัดสินใจซื้อระบบ S-400 ของรัสเซีย” (US May Sanction Turkey Following Purchase of Russian S-400 Systems – Reports)
ตุรกีได้สั่งซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ของรัสเซียไปแล้ว (แต่ยังไม่มีการส่งมอบ เนื่องจากผลิตไม่ทัน) จุดชนวนให้สหรัฐฯ เตรียมดำเนินการคว่ำบาตรต่อกรุงอังการา รายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกรุงวอชิงตันและกรุงอังการาเผย Turkish Heritage Organization กล่าว
ที่มา : เพจ ปอกเปลือก ทรราช
https://sputniknews.com/us/201801301061175529-usa-russia-sanctions-defense-impact/
https://sputniknews.com/middleeast/201801301061175862-usa-turkey-russia-sanctions-s400/
สกฤษฏ์ สุวรรณรัตน์
สำนักข่าววิหคนิวส์