องค์กรฟรีดอมเฮาส์ (Freedom House) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพระบุว่าในปีที่ผ่านมาระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกเผชิญกับภาวะถดถอยมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน หลายประเทศมีการลิดรอนสิทธิทางการเมืองและสิทธิของพลเมืองเพิ่มขึ้น และจัดไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่มีเสรีภาพ ขณะรัฐบาลไทยบอกว่าใส่ใจในสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองไทย และไม่มีการละเมิดสิทธิแต่อย่างใด
ฟรีดอมเฮาส์ ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ และทำรายงานเผยแพร่สถานการณ์เสรีภาพโลกเป็นประจำทุกปี ในวันนี้ (16 ม.ค.) ได้เผยแพร่รายงานสถานการณ์ของปีนี้ หรือ Freedom in the World 2018 ออกมา โดยเป็นการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วในประเทศ 195 แห่ง
ในรายงาน ชี้ว่า 88 ประเทศหรือร้อยละ 45 ได้รับการจัดให้เป็นดินแดนที่มีเสรีภาพ ขณะที่ 58 ประเทศ หรือร้อยละ 30 หรือ จัดว่ามีเสรีภาพเป็นบางส่วน และส่วนที่เหลืออีก 49 ประเทศหรือร้อยละ 25 จัดว่าไม่มีเสรีภาพ ซึ่งก็รวมทั้งประเทศไทยด้วย
นอกจากนี้ปี 2017 ที่ผ่านมา ยังจัดว่าเป็นปีที่สถานการณ์ด้านสิทธิเสรีภาพทั่วโลกถดถอยลงติดต่อกันเป็นปีที่ 12 แล้ว นับแต่ปี 2006 เป็นต้นมา โดยมี 71 ประเทศที่พลเมืองถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีเพียง 35 ประเทศเท่านั้นที่สถานการณ์มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในช่วงเดียวกัน
นายไมเคิล เจ. อะบราโมวิตซ์ ประธานองค์กรฟรีดอมเฮาส์ระบุว่า ระบอบประชาธิปไตยกำลังเผชิญวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยองค์ประกอบพื้นฐานของประชาธิปไตยเช่นการจัดการเลือกตั้งอย่างเสรีและยุติธรรม เสรีภาพสื่อ สิทธิของชนกลุ่มน้อย และหลักนิติธรรม กำลังถูกล้อมกรอบจำกัดในหลายภูมิภาคทั่วโลก แม้แต่ในประเทศที่เคยเป็นความหวังของระบอบประชาธิปไตยอย่างตุรกี เวเนซุเอลา โปแลนด์ ตูนิเซีย และเมียนมา ต่างก็เผชิญกับภาวะที่มาตรฐานด้านสิทธิเสรีภาพเสื่อมถอยลงเช่นกัน
ส่วนไทยและอีกหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน เช่น ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ยังคงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ไม่มีเสรีภาพ สำหรับเมียนมา อินโดนีเซีย และมาเลเซียนั้น ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีเสรีภาพบางส่วน แต่รายงานระบุเน้นถึงกรณีของเมียนมาเป็นพิเศษว่า มีแนวโน้มที่น่าห่วงกังวลอย่างมากในเรื่องการล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา
รายงานของฟรีดอมเฮาส์ระบุว่า สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ด้านสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยทั่วโลกเสื่อมถอยลงอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว คือการที่สหรัฐอเมริกาลดบทบาทและวางมือจากการเป็นแบบอย่างที่ดีและผู้นำที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
รายงานชี้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขาดความโปร่งใส ไร้มาตรฐานทางจริยธรรมในการบริหารและการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ทำให้ระบอบเผด็จการทั่วโลกซึ่งรวมถึงจีนและรัสเซียฉวยโอกาสกดขี่พลเมืองของตนหนักมือขึ้น รวมทั้งแผ่ขยายอิทธิพลในทางลบนี้ไปยังประเทศอื่น ๆ ด้วย
ทางบีบีซีไทยได้สอบถามความเห็นในเรื่องรายงานของฟรีดอมเฮาส์ไปยังรัฐบาล ซึ่ง พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ได้ให้คำตอบว่า “ที่จริงผมไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องที่องค์กรต่างประเทศประเมินเรา แต่ก็เอาเป็นว่ารัฐบาลได้สนใจและให้ความสำคัญกับเรื่องเสรีภาพของประชาชน และเราไม่ได้ละเมิดสิทธิมุนษชนของประชาชนไทย เพราะว่าถ้าเราละเมิดเราอยู่ไม่ได้แน่นอน เพราะประชาชนคงไม่ให้เราอยู่”
สำนักข่าววิหคนิวส์



