29 ธ.ค. 60 ไทยโพสต์- นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการสถาบันปฏิรูปประเทศไทย(สปท.) เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “กองหนุนที่หายไป และภารกิจเติมกองหนุน” โดยระบุว่า “คงสะดุ้งโหยงกันทั้ง คสช. และ ครม.เมื่อคำอวยพร ปีใหม่ของประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์นอกเหนือจากการให้กำลังใจตามธรรมเนียม เหมือนทุกคั้งที่ผ่านมาแต่ครั้งนี้ค่อนข้างแปลกกว่าทุกครั้งเพราะคำอวยพรตอนหนึ่งระบุว่า
“…ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทย กองหนุนก็จะมาเอง…”
ส่งผลให้มีการวิพากษ์วิจารณ์และตีความกันต่างๆนานาว่าป๋าเปรมกำลังจะสื่อถึงอะไร
สำหรับผมแล้วกองหนุนในความหมายนี้น่าจะหมายถึงกลุ่มคนที่สนับสนุนชื่นชมรัฐบาลคสช. ซึ่งแน่นอนหลายท่านคงมองไม่ต่างกัน แต่ที่น่าวิเคราะห์ต่อคือกองหนุนที่เคยอุ่นหนาฝาคั่งหดหายไปไหนเพราะอะไร ผมคิดว่ามี 5 ปัจจัยที่ทำให้กองหนุนร่อยหรอลงดังนี้
1.กองหนุนอาจจะเริ่มเห็นว่าสัญญาประชาคม “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” กำลังจะถูกบิดพลิ้วจากรัฐบาลคสช.เพราะไม่เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากไปกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของรัฐบาล เช่น การปฏิรูปตำรวจที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุดกลับริบหรี่มืดมน
2.รัฐบาล คสช. อาจไม่ได้เห็นความสำคัญของกองหนุนมาตั้งแต่ต้น จึงเลือกที่จะขับเคลื่อนภารกิจโดยพึ่งพิงกลไกรัฐราชการเป็นหลักและทำแนวร่วมกับกลุ่มทุนธุรกิจเป็นสำคัญ ในขณะเดียวกันก็เพิกเฉยต่อความร่วมไม้ร่วมมือจากกลุ่มพลังทางสังคม ซึ่งในระยะหลัง ภาคประชาสังคมเป็นตัวแปรทางการเมืองที่มองข้ามไม่ได้แล้ว
3.การบริหารแผ่นดินของรัฐบาล คสช.หลายเรื่องสวนทางกับแนวทางการปฏิรูปและการมีส่วนร่วมของประชาชน โครงการขนาดใหญ่ของรัฐหลายโครงการขาดธรรมาภิบาลจนเกิดแรงต้านจากประชาชนหรือกลุ่มคนที่เคยชื่นชอบรัฐบาลนี้ด้วยซ้ำ
4.ข่าวด้านลบและการทุจริตคอร์รัปชั่นหรือการใช้อำนาจมิชอบของคนในรัฐบาลบางคนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้แทบทุกวันจนทำร้ายความเชื่อมั่นไว้วางใจของประชาชนที่อยากเห็นรัฐบาลมีความซื่อสัตย์สุจริตและโปร่งใสกว่ารัฐบาลในอดีต
5.ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องประชาชนคนระดับล่างไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา ชาวสวน ฯลซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศต้องยอมรับว่ารัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างลุล่วง
ส่วนการเติม “กองหนุน” เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมานั้นก่อนอื่นเลย รัฐบาล คสช.จะต้องนั่งทบทวนและตรวจสอบดูว่าเครือข่ายหรือกลุ่มคนที่เคยเป็นกองหนุนนั้นยังพร้อมจะหนุนรัฐบาลอยู่หรือไม่หรือเครือข่ายเรานั้นพร้อมจะยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม กับรัฐบาล คสช.ไปเรียบร้อยแล้ว
ประการสำคัญต้องจับตาในระยะเวลาที่เหลืออยู่แค่ประมาณหนึ่งปีนั้นจะจัดลำดับความสำคัญของปัญหาไม่ใช่ทำสารพัดเรื่อง 360 องศา เพื่อเรียกศรัทธาจากกองหนุนกลับคืนมาได้อย่างไร.
สำนักข่าววิหคนิวส์