ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
แนวหน้า-มีมติด้วยเสียงข้างมาก 197 ต่อ 1 เสียง งดออกเสียง 7 ราย เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. … ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญที่มี พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ สมาชิก สนช. เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว
สำหรับประเด็นสำคัญที่ได้มีการแก้ไข คือ การตัดเนื้อหามาตรา 37/1 ออกไปทั้งหมด ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่ว่าด้วยการให้ ป.ป.ช. สามารถขออนุญาตจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้มีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้มาซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต ผ่านวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใดได้ จากเดิมที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้บัญญัติขึ้นมาใหม่ ภายหลังสมาชิกสนช.หลายคนได้อภิปรายคัดค้านจนพล.ต.อ.ชัชวาลย์ต้องประกาศขอถอนมาตรา 37/1 กลางที่ประชุมสนช.เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่ มาตรา 178 ซึ่งบัญญัติว่า “ให้ประธานกรรมการป.ป.ช.และกรรมการป.ป.ช.ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนที่พ.ร.ป.นี้ใช้บังคับ ยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามที่กำหนดใน พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 หรือพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 19 เว้นแต่กรณีตามมาตรา 19 (3) ในส่วนที่เกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติตามมาตรา 9 และลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 11 (1) และ 18 มิให้นำมาใช้บังคับ” อันเป็นการกำหนดให้ประธานป.ป.ช.และกรรมการป.ป.ช.ชุดปัจจุบันยังสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะครบวาระตามกฎหมาย ซึ่งที่ประชุมสนช.มีมติเสียงข้างมาก 157 ต่อ 26 คะแนนเห็นชอบกับมาตรา 178 โดยมีสมาชิก สนช.ใช้สิทธิ์งดออกเสียง 29 คน
โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องมีการส่งร่าง พ.ร.ป. ที่ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อพิจารณาว่าการแก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายของ สนช. ขัดต่อเจตนารมณ์หรือไม่ ก่อนจะตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 3 ฝ่ายระหว่าง ป.ป.ช. กรธ. และสนช. อย่างไรก็ตามหากทั้งป.ป.ช.และกรธ.ไม่เสนอให้ประธานสนช.ตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย จะมีผลให้ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป
สำนักข่าววิหคนิวส์