ข่าวประจำวัน » #นิกร เชื่อคสช.ไม่รีบปลดล็อกอาจต้องยอมแก้ รธน. ระบุเหลือเวลา 30 วันให้อัทเดตสมาชิกหวั่น ชาติไทยพัฒนาสิ้นสภาพ

#นิกร เชื่อคสช.ไม่รีบปลดล็อกอาจต้องยอมแก้ รธน. ระบุเหลือเวลา 30 วันให้อัทเดตสมาชิกหวั่น ชาติไทยพัฒนาสิ้นสภาพ

3 December 2017
346   0

นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ


ตรงประเด็น-(พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมืองกำหนดให้พรรคการเมืองต้องอัพเดทสมาชิกพรรคภายใน 90 วันแต่จนถึงขณะนี้คสช. ยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง ว่า ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้จะครบ 60 วันหลังการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว และจะครบ 90 วันในวันที่ 5 มกราคม 2561 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 30 วันเท่านั้น ส่วนที่มี คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ

และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หลายคนออกมาระบุว่า บางเรื่องสามารถทำได้โดยที่ยังไม่ต้องปลดล็อกเช่นการแจ้งจำนวนสมาชิก นั้น ตนในฐานะผู้อำนวยการพรรค ชทน.และทำงานรับผิดชอบด้านนี้จะ 20 ปีอยู่แล้ว ยืนยันว่าทำไม่ได้ และได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกกต.แล้ว เพื่อให้ประสานไปยังสำนักทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งทางเลขาคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็ตอบมาแล้วว่า ได้ประสานแล้ว เท่านั้นเอง แต่ไม่มีคำตอบว่าผลเป็นอย่างไร

เดิมกฎหมายเลือกตั้งเรื่องถิ่นที่อยู่นั้นไม่สำคัญเพราะไม่เกี่ยวกับเรื่องเขตเลือกตั้ง การรวมเป็นตัวแทนของพรรคประจำจังหวัดหรือสาขาและการทำไพรมารี่โหวต แต่สำหรับกฎหมายใหม่ฉบับนี้เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก เพราะถ้าใครอยู่นอกเขตเลือกตั้งก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนเขต หรือเป็นสาขาได้ ไม่สามารถทำไพรมารี่โหวตตามกฏหมายใหม่ได้เลยดังนั้นเรื่องที่อยู่ของสมาชิกจึงมีความสำคัญ

“กกต.ตอบมาทางพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งก็ถือเป็นหลักการ ว่า หากไม่มีการประชุมพรรคเรื่องการแจ้งจำนวนสมาชิกก็ไม่สามารถทำได้ และการดำเนินการต้องเป็นไปโดยฝ่ายบริหารพรรคเท่านั้น จึงจำเป็นต้องมีการประชุมพรรคเสียก่อน ดังนั้นการที่เคยพูดกันว่า 90 วันสามารถแจ้งเรื่องจำนวนสมาชิก ได้โดยไม่ต้องประชุมจึงทำไม่ได้ 

สรุปก็คือ ต้องมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคเสียก่อน ซึ่งทำไม่ได้ถ้าไม่ปลดล็อกตรงนี้ ตอนนี้ก็เหลือเพียงหนทางเดียวคือพรรคการเมืองต้องทำเรื่องไปขอขยายเวลา เพราะถ้าไม่ขยายเวลาพรรคการเมืองอย่างพรรคชาติไทยพัฒนาที่เคยถูกยุบพรรคไปครั้งหนึ่งแล้วตั้งขึ้นมาใหม่ก็ต้องสิ้นสภาพไปตามกฎหมาย สูญเสียความเป็นพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับพวกเรา ดังนั้นพรรค ชทพ.จึงรอคำตอบจาก กกต.ก่อน แล้วค่อยจะไปขอขยายเวลา

เชื่อว่าหากขอขยายเวลาไปกกต.ก็อนุญาต และสามารถขยายได้เรื่อยๆตามกฎหมาย แต่ปัญหาคือไม่ว่ากฎหมายใดหรือคำสั่งคสช.ใดไม่ใหญ่ไปกว่ารัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะไปมีปัญหาอยู่ที่สุดทางของรัฐธรรมนูญ คือกฎหมายลูก 2 ฉบับที่เหลือซึ่งผ่านสนช.ไปแล้วนั้นหากลงมาก็ต้องมีการเลือกตั้งภายใน 150 วัน เนื่องจากเราไม่สามารถรู้ได้ว่ากฎหมายนั้นจะมีผลบังคับใช้เมื่อไหร่ ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเร็วกว่าเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่เคยมีการคาดหมายไว้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นพรรคการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้งอาจจะทันแต่ทำงานไม่ทันแน่ มีปัญหาอย่างแน่นอน และมีทางออกทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือการแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องถามว่าเราจะต้องไปถึงตรงนั้นกันหรือ เราจะแก้รัฐธรรมนูญที่เพิ่งบังคับใช้มากันหรืออย่างไร

เรื่องนี้มีปัญหามากแน่นอน ปัญหาซับซ้อน ดังนั้นขอให้ไปทบทวนกันดูอีกครั้งหนึ่งเถิด ว่ามันมีปัญหามากกว่าที่เราคิดกันเฉยๆ เพราะไม่เช่นนั้น นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.คงไม่แสดงความหนักใจออกมาหรอก เพราะเขารู้ว่ากลไกมันคืออะไร แล้วเราจะใช้คำสั่งคสช. หรือใช้สนช. แก้รัฐธรรมนูญหรืออย่างไร ซึ่งทำไม่ได้ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญก็คือการแก้เรื่องการเลือกตั้งออกไปเท่านั้นเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับประเทศ เหล่านี้เป็นปัญหาที่ซ้อนกันอยู่ ไม่ใช่ดูง่ายๆที่จะปฏิบัติ ฝ่ายการเมืองไม่ได้เรียกร้องมาก แต่เราแค่ขอโอกาสให้เราได้ทำตามกฏหมายเท่านั้น ถ้ากลัวว่าจะมีปัญหาก็ปลดเป็นบางส่วน ปลดในส่วนที่ทำให้สามารถทำงานไปได้ เอาเฉพาะส่วนก็ได้ แต่ถ้าปล่อยไปอย่างนี้มีปัญหามากแน่ๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการปลดล็อคไม่จำเป็นต้องรอให้กฎหมายลูกออกครบทุกฉบับก่อนใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะกฎหมายฉบับอื่นไม่มีเวลากำหนด แต่กฎหมายฉบับนี้เวลาหมดไปทุกวันตัวนี้จะมีปัญหา

เมื่อถามว่า การประชุมคสช. ในวันที่ 4 ธันวาคมนี้ ควรหยิบยกประเด็นเรื่องการปลดล็อกเข้าหารือใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ก็ได้แต่บอกว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ใหญ่มากในทางการเมือง เป็นปัญหาที่ใหญ่มากแต่บางคนมองไม่เห็น ไม่อย่างนั้นนายมีชัยคงไม่หนักใจ ไม่ปวดหัว เพราะคนที่ทำกฎหมายย่อมรู้กลไก รู้วันเวลาดี

สำนักข่าววิหคนิวส์