ปปช.ฟันซ้ำมติชี้มูล “พ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ”อดีตผู้ช่วยเลขาฯ “บุญทรง” ร่ำรวยผิดปกติพร้อมส่งเรื่องให้อสส.สั่งยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดินกว่า 896 ล้านบาท หลังพบโยกย้ายถ่ายโอนไปอยู่กับลูกเมียและเครือญาติ เตรียมเชือดเพิ่มก๊วนจีทูจีเก๊อีก 8 คนเป็นนักการเมือง 5 ส่วนจนท.รัฐอีก 3 สั่งสอบเชิงลึกเสร็จแล้วกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการป.ป.ช. แถลงความคืบหน้าในการยึดทรัพย์คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบจีทูจีว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเมื่อวันที่ 2 พ.ย.60 ที่ผ่านมา ชี้มูลว่าพ.ต.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็น1ในผู้ที่ป.ป.ช.กล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
ก่อนหน้านี้ปปช.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยมีน.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติของ พ.ต.วีรวุฒิ น.ส.ชุฏิมา วัชรพุกกะ อดีตคู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 78 แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 รวมมูลค่า 99,203,133.17 บาท
ต่อมาป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่า มีกระแสการเงินเคลื่อนไหวผิดปกติจำนวนมาก และยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปอยู่ในชื่อของ น.ส.ชุฏิมา วัชรพุกกะ อดีตคู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เครือญาติ และบุคคลใกล้ชิด รวมมูลค่า 896,554,760.28 บาท ประกอบด้วย 1.เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในชื่อ พ.ต.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด จำนวน 53 บัญชี เป็นเงิน567,715,461.37 บาท 2.เงินลงทุนในชื่อพ.ต.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด จำนวน 6 แห่ง มูลค่า260,142,651 บาท
3. ที่ดินในชื่ออดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ จำนวน12 แปลง ในท้องที่กรุงเทพมหานคร มูลค่า 57,066,828 บาท 4.ห้องชุดในชื่อเครือญาติ ได้แก่ ห้องชุด ชื่อศาลาแดง โคโลเนต ตำบลสีลม อำเภอบางรัก กรุงเทพมหานครจำนวน 1 ห้อง มูลค่า6,200,000 บาท และ5.รถยนต์ จำนวน 4 คัน ในชื่อของเครือญาติ และผู้ใกล้ชิด 6,309,000 บาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของทรัพย์สินได้
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ที่ประชุมป.ป.ช. จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อขอให้ศาลสั่งให้ยึดทรัพย์ของพ.ต.วีรวุฒิ มูลค่า 896,554,760.28 บาท ที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2542 มาตรา80
รวมทั้งขอให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254(1) และหากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมด หรือได้แต่บางส่วนแล้ว ขอให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปีตามนัยมาตรา 83 พ.ร.บ.ป.ป.ช.
ทั้งนี้ พ.ต.วีระวุฒิ ได้หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องที่เหลือ คณะอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินเชิงลึก ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นนักการเมือง 5 ราย และเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 ราย โดยบางคดีมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และบางคดีคืบหน้าไปถึง90เปอร์เซ็นต์ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะแถลงต่อสื่อมวลชนต่อไป
สำหรับพฤติกรรมของนายวีระวุฒิ วัจนะพุกกะ ผู้ถูกกล่าวหาที่3 ได้ร่วมกระทำความผิดกับนายบุญทรง ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงานช่วยเหลือมุ่งหมายและเอื้อประโยชน์ให้กับGuangdong stationery & sporting goods imp.& exp. Corp. และHainan grain and oil industrial trading Company ซึ่งไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่มีสิทธิ์เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น
จากนั้น นำข้าวที่ซื้อได้ในราคาต่ำกว่าราคาขายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ เพื่อนำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัท สยาม อินดิก้า จำกัด นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติอย่างร้ายแรง ดังนั้นคณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาและมีมติว่ากรณีดังกล่าวมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.วีระวุฒิ ใช้ตำแหน่งหน้าที่จนร่ำรวยผิดปกติดังกล่าว
Cr. Naewna
สำนักข่าววิหคนิวส์