เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 19 ตุลาคม ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวในโลกออนไลน์ว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ จะเปิดชื่อนักการเมืองไทย 7 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งแสกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา โดยนายอนุทิน ย้อนถามสื่อว่า เรื่องมาจากเพจใช่หรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า ใช่
นายอนุทิน จึงกล่าวว่า ตนได้ให้กระทรวงการต่างประเทศและทีมงาน ไปสืบหาข้อเท็จจริงแต่ไม่ต้องกังวลอะไร จะมีรายชื่อหรืออะไรมาเราก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ และหากมีหลักฐานการกระทำที่ผิดกฎหมาย เราก็ต้องดำเนินคดีอยู่แล้ว ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอนุทิน เคยต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์ กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านไม่ได้พูดเรื่องนี้กับตนเลย ถึงบอกว่าต้องตรวจสอบก่อน เพราะเมื่อข่าวนี้มาจากเพจออนไลน์ก็ต้องตรวจสอบ เพราะตอนที่ตนหารือกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ท่านก็ไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา แต่หากมีจริง ตนก็จะมีโอกาสพบกับท่านในการประชุมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศเกาหลีใต้ ในอีก 2 สัปดาห์นี้
เมื่อถามว่า ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบก่อนที่จะมีการพบกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า สั่งแล้ว เดี๋ยวเอาไลน์ให้ดูว่าสั่งแล้ว โดยได้ให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ติดตามข่าวเรื่องนี้
เมื่อถามถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอให้ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีให้คณะทำงานเป็นทนายความให้กับนายเบน สมิธ นายอนุทิน กล่าวว่า ตรงนี้ก็ต้องดูตามสิทธิการตั้งทนายความ ถ้าตนจะตั้งทนายความมาดูคดีของตน ก็ต้องดูทนายความที่มีความใกล้ชิดกับตน เราก็ต้องเอาคนที่ไว้วางใจและคุยกันรู้เรื่อง ซึ่งจะปลดหรือไม่ปลดมันอยู่ที่รูปคดี อยู่ที่คำพิพากษา และอยู่ที่การกระทำผิด ถามแต่เรื่องงานสิอย่ามาถามเรื่องชื่อบุคคลแบบนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลปราบปรามดำเนินการเรื่องสแกมเมอร์เชิงรุก นายกฯ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังจากที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาทำงานก็มีรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่ามีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง 37 ราย และยังมีการขยายผลต่างๆอีกมากมาย ซึ่งในวันที่ 20 ต.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 1/2568 โดยจะมีการมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานไหนว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งเป็นการต่อยอดจากที่เขาได้ทำไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ตอนนี้หลายประเทศจับมือกันคว่ำบาตรมาตรการทางการเงินกับบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เรื่องนี้จะมีการนำเข้าที่ประชุมในวันที่ 20 ต.ค. เลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกเรื่องอยู่ในนี้หมด
สแกมเมอร์ต้องเป็นวาระแห่งภูมิภาคนี้แล้ว หรือวาระของโลกด้วย ประเทศไทยต้องเป็นส่วนหนึ่งและให้ความร่วมมือในการปราบปรามสแกมเมอร์อย่างทุกวิถีทางทุกรูปแบบ
เมื่อถามว่า มาตรการที่มีการดำเนินการก่อนหน้านี้ทั้งการตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนไทย- เมียนมา นายกฯ กล่าวว่า แล้วเราตัดไหม ไฟฟ้าถูกตัดหรือไม่ ทุกวันนี้ถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เราต้องดำเนินการอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า บจก.ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีที่ตั้งอยู่ที่อาคาร Sino-Thai Tower นายกฯ กล่าวว่า “เขาตอบแล้วนี่ครับ อย่าถามนำ” ก่อนจะเดินออกจากวงสัมภาษไปทันที