ข่าวประจำวัน » ”ไม่มีใครอยากยกเลิก“ !! บัตรทอง กำลังพัง พญ.นันทวัน นายก ส.คลีนิคอบอุ่นยื่นตรวจสอบสปสช.แล้ว 

”ไม่มีใครอยากยกเลิก“ !! บัตรทอง กำลังพัง พญ.นันทวัน นายก ส.คลีนิคอบอุ่นยื่นตรวจสอบสปสช.แล้ว 

29 October 2025
180   0

“รมว.สธ.-ปลัดฯ-องค์กรแพทย์” หารือปมงบบัตรทอง ด้าน ปธ.ชมรม รพศ./รพท. ชี้สัญญาณดี เห็นความพยายาม “ปฏิรูป สปสช.” รัฐมนตรี หนุนปรับสัดส่วนบอร์ดบัตรทอง ทั้งชุดใหญ่และอนุกรรมการฯ  ย้ำ! ที่ผ่านมาไม่มีใครอยากยกเลิก “บัตรทอง” แต่เมื่อมีปัญหาก็ต้องร่วมกันแก้ไข มองถึงเวลาทบทวนพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ผ่านมา 23 ปี บริบทเปลี่ยนแปลง ยืนยันองค์กรแพทย์ไม่เคยเสนอ “ร่วมจ่าย”

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 28 ต.ค.2568  ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) ชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด  ชมรมโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป ชมรมโรงพยาบาลสถาบันกรมการแพทย์ และ คณะกรรมการโรงพยาบาลในกลุ่ม สถาบันแพทย์แห่งประเทศไทยหรือ ยูฮอสเน็ต (Uhosnet)  เดินทางเข้าพบนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข และนพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เพื่อขอหารือและยื่นข้อเสนอการปรับปรุงการดำเนินงานการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยในการหารือไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรับฟัง

นายพัฒนา ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ภายหลังการประชุมว่า  วันนี้ก็ได้มาพูดคุยกัน มารับฟังปัญหาจากชมรมและองค์กรแพทย์ต่างๆ เพื่อพูดคุยร่วมกันแก้ปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีข้อสรุปอย่างไร และจะเสนอเข้าสู่บอร์ดสปสช.ชี้ขาดวันที่ 3 พ.ย.หรือไม่ นายพัฒนา กล่าวว่า   เรื่องบางเรื่อง อย่าเพิ่งไปรีบสรุป การหารือเป็นไปด้วยดี มีทางออก 

ด้านพญ.ภาวิณี เอี่ยมจันทน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสระบุรี ในฐานะประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(รพศ./รพท.)กล่าวว่า  วันนี้ได้เห็นความพยายามในการแก้ปัญหาตามที่องค์กรแพทย์ได้เสนอ 5 แนวทาง และมีความพยายามในการปรับค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ หรือ AdjRW คงไว้ 8,350 บาท รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาตรวจสอบชาร์ทเวชระเบียนว่า มีการจ่ายจริง เป็นต้น ส่วนเรื่องงบประมาณปี 2568 นั้น จะเป็นงบกลาง ซึ่งรัฐมนตรีฯ จะนำเสนอต่อครม.

เมื่อถามว่า งบปี 2568 หมายถึงงบกลางใช่หรือไม่ พญ.ภาวิณี กล่าวว่า ใช่ โดยงบปี 2568 จะมีการขอ 2 พันล้านที่ชดเชยของปี 2566 และอีก 3.5 พันล้านบาทในการรักษาพยาบาลของปีงบ 2568 เช่นกัน เพราะจากการพูดคุย ทางรัฐมนตรีฯ รับทราบว่า มีการให้บริการเพิ่มขึ้นจริง

เมื่อถามถึงการหารือเรื่อง ปฏิรูป สปสช. พญ.ภาวิณี กล่าวว่า รัฐมนตรีฯ ได้บอกว่า มีการหารือร่วมกันระหว่าง ปลัดสธ.และเลขาธิการสปสช. โดยรัฐมนตรีฯ เห็นชอบเรื่องการทบทวนสัดส่วนกรรมการ และอนุกรรมการ อาจทำเงื่อนไขบางอย่างเพิ่มเติม โดย 1 ท่าน อาจเป็นบอร์ดได้แค่ 2 คณะ เพื่อให้เกิดการกระจายมากขึ้น ซึ่งในแง่ของกรรมการชุดต่างๆ เสนอว่า ส่วนของเลขาฯต้องมีทั้งส่วน สปสช.และสถานพยาบาล

ถามถึงกรณีกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพมองว่า ผู้แทนต่างๆมีอยู่ในบอร์ดอยู่แล้ว ในส่วนของหน่วยบริการก็เช่นกัน พญ.ภาวิณี กล่าวว่า หากพิจารณาจะพบว่า ในฐานะผู้ให้บริการที่เข้าไปเป็นกรรมการ ส่วนใหญ่เป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เช่น อปสข.เขต แต่ผอ.รพ.กลับมีเพียง 1 ท่านเท่านั้น ซึ่งสถานพยาบาลมีสัดส่วนน้อยมาก จึงต้องมีการปรับตรงนี้ เพื่อให้เห็นข้อมูลของสถานพยาบาล

อย่างไรก็ตาม เรื่องเงินบำรุงนั้น จะพบว่ามากกว่า 50% ที่มีกว่า 900 กว่าแห่งพบปัญหาเงินติดลบนั้น ต้องบอกว่า การให้บริการของแต่ละสถานพยาบาลมีค่าใช้จ่ายที่มีของสถานพยาบาลนั้นๆ การบริหารต้องอยู่รอดทุกที่จึงจะดีที่สุด

พญ.ภาวิณี กล่าวอีกว่า ในฐานะผู้ปฏิบัติเราไม่เคยปฏิเสธผู้ป่วย เราเห็นว่า บัตรทอง เป็นระบบที่ดี ไม่มีใครอยากให้ยกเลิก แต่ต้องยอมรับว่า มีปัญหา อย่างพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ใช้มานานกว่า 20 ปี โลกมีการเปลี่ยนแปลง บริบทเปลี่ยนไป จึงต้องมีการทบทวน 

“ขอย้ำว่า ไม่มีใครคิดอยากยกเลิกบัตรทอง แต่มีปัญหาได้ไม่ใช่หรือ เพราะกฎหมายใช้มานาน 23 ปี โลกเปลี่ยนไป ควรมีการทบทวนหรือไม่ อยากให้เห็นใจซึ่งกันและกัน เราต่างทำบทบาทหน้าที่ตัวเอง แต่เราต้องร่วมมือกันเพื่อให้บริการประชาชนดีที่สุด ข้อเสนอหนึ่งคือ นโยบายใดก็ตามที่ออกมาจากบอร์ดสปสช. ควรหารือกับสถานพยาบาลก่อนว่า ทำได้หรือไม่ เป็นภาระมากหรือไม่ ทั้งภาระบริการและการเงินจนสถานพยาบาลรับไม่ไหวหรือไม่” พญ.ภาวิณี กล่าว

เมื่อถามว่ามีการพูดถึงประเด็น “ร่วมจ่าย”  พญ.ภาวิณี กล่าวย้ำว่า ไม่เคยพูดถึงเรื่อง “ร่วมจ่าย” ยกเว้นว่าเกินสิทธิประโยชน์ เพราะจะกำหนดในบัญชียาหลักอยู่แล้ว ทุกครั้งที่จะใช้อะไรเกินสิทธิประโยชน์ก็ต้องสอบถาม และต้องมีความเห็นร่วมกันว่าอยากใช้จริงๆ ดังนั้น ประเด็นอยู่ที่การจัดการกองทุน หากโปร่งใส ชัดเจนขึ้น ซึ่งรมว.สธ.และปลัดฯ รับปากว่าจะมีการเปิดเผยและติดตามเรื่องนี้เป็นระยะ

ผศ. นพ.สนั่น วิสุทธิศักดิ์ชัย กรรมการ UHosNet กล่าวว่า สิ่งที่อยากถามคือ รพ.ให้บริการแล้ว รพ.ต้องทำหน้าที่หาเงินมาจ่ายให้กองทุนด้วยหรือไม่  ตกลงรพ.มีหน้าที่รักษาคนไข้ หรือมีหน้าที่หาเงินมารักษาคนไข้ ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่หน้าที่ของกองทุนอย่างนั้นหรือแล้วทำไมถึงมาเป็นหน้าที่ของรพ.

นพ.สนั่น กล่าวต่อว่า ถ้าสปสช.จ่ายตามที่ตกลงกันไว้ได้แล้ว ถ้ารพ.ไม่ต้องเก็บกับคนไข้เลยนั้น รพ.ไม่เดือดร้อน แต่เป็นการดีด้วยเพราะรพ.จะได้ไม่ต้องเจรจากับคนไข้ ฉะนั้น นั่นคือทางออกอยู่แล้ว แต่วันนี้ที่เราต้องเก็บ ทำงานมากกว่าเดิม เพราะเงินที่ชดเชยนั้นมันไม่ได้รับจากระบบอย่างเพียงพอ วันนี้รพ.ดูแลผู้ป่วยไปโดยที่เราได้รับชดเชยเท่ากับที่เราควรจะได้รับ นี่คือความลำบาก

ทั้งนี้  กลุ่มองค์กรแพทย์และสหสาชาวิชาชีพจากโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป มีขอเสนอให้ ปฏิรูปสปสช. เพื่อกู้วิกฤตโรงพยาบาล ดังนี้

1. เปิดเผยและทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการในการคัดเลือกคณะกรรมการหลักประกัน สุขภาพแห่งชาติ และอนุกรรมการฯ โดยเฉพาะในส่วนของตัวแทนองค์เอกชนและผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อให้มีบุคลากรที่ มีศักยภาพบริหารกองทุนฯ อย่างมืออาชีพ

2. จ่ายค่ารักษาตามจริงและเป็นธรรม คืนค่าใช้จ่ายให้โรงพยาบาลครบถ้วน โดยไม่ดึง เงินเดือนบุคลากรมาหักในกองทุน

3. เปิดเผยการบริหารงบกองทุนบัตรทองต่อสาธารณชน เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และ ธรรมาภิบาล -2

4. หยุดเพิ่มสิทธิประโยชน์ที่ไม่จําเป็นในภาวะที่งบผู้ป่วยใน (IP) ยังไม่เพียงพอ ไม่ควรผลัก ภาระใหม่ในการเพิ่มกองทุนใหม่ให้โรงพยาบาล

5. วางแผนงบประมาณอย่างมีส่วนร่วมต้องให้หน่วยบริการ (provider) มีส่วนร่วมในการ กําหนดและจัดสรรงบ เพื่อความคุ้มค่าและตรงตามความเป็นจริง ถึงเวลาที่ สปสช. ต้องฟังเสียงหน้างาน หากไม่แก้ไข ระบบสาธารณสุขที่ทุกคนภาคภูมิใจ อาจล้มครืนลงในไม่ช้า

ที่มา: HFocus เจาะลึกระบบสุขภาพ