เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #4ข้อหาหนัก ! สตช.ยันเตรียมแจ้ง ข้อหาทั้ง2คน

#4ข้อหาหนัก ! สตช.ยันเตรียมแจ้ง ข้อหาทั้ง2คน

16 July 2020
1182   0

วันนี้ (16 ก.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีการควบคุมตัวบุคคล 2 คนที่อ้างตัวเป็นตัวแทนกลุ่มเครือข่ายเยาวชนภาคตะวันออก ยืนถือป้ายข้อความเชิญชวนบุคคลอื่นมาชุมนุมเพื่อรอเจอกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าล่าสุดได้รับรายงานจาก สภ.เมืองระยอง ว่าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 63 เวลา 16.00 น.ได้มีชาย 2 คนเชิญชวนบุคคลในโซเชียลมีเดียให้มาชุมนุม พร้อมกับชูป้ายแสดงข้อความซึ่งเป็นการแสดงความไม่พอใจเนื่องจากเป็นคนระยองและไม่พอใจกับสิ่งที่รัฐบาลกระทำ บริเวณหน้าโรงแรมดิวารี ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมาตรวจสอบและปฏิบัติราชการในพื้นที่



พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอาศัยอำนาจเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ได้มีคำสั่งให้บุคคลทั้งสองออกไปจากบริเวณดังกล่าวในการรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและเป็นการเสี่ยงต่อโรคติดต่อ แต่ปรากฏว่าบุคคลทั้งสองไม่ให้ความร่วมมือและไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรค จนกระทั่งมีการใช้กำลังในการควบคุมให้ออกนอกบริเวณดังกล่าวซึ่งมีการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน จนสามารถควบคุมบุคคลทั้งสองขึ้นรถยนต์เดินทางมาถึงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ระยอง ปรากฏว่า บุคคลทั้งสองได้วิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วมาปรากฏตัวบริเวณตลาดสตาร์ พร้อมกับได้ทำการไลฟ์สด หลังจากนั้นจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม โดยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ โดยพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งสอง และส่งตัวให้แพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ตรวจชันสูตรบาดแผลและทำการรักษาเพื่อจะได้สอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


“การกระทำของบุคคลทั้งสองถือเป็นความผิดซึ่งหน้า ตั้งแต่ที่ได้มีการควบคุมตัวเพื่อมาดำเนินคดี ภายหลังจากหลบหนีการควบคุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และได้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยอง ให้ดำเนินคดีความผิดฐานทำกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรค อันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ ซึ่งออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ 18, ฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่ห้ามกระทำการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะฯ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558, ขัดคำสั่งเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร, หลบหนีไประหว่างที่ควบคุมของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป” รองโฆษก ตร.ระบุ


พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวต่ออีกว่า การกระทำของบุคคลทั้งสองถือว่าเข้าข่ายความผิดและเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชิญชวนบุคคลร่วมชุมนุมในลักษณะที่เสี่ยง หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ขอฝากเตือนไปยังกลุ่มบุคคล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนที่มีแนวคิดใช้คำหยาบคาย แสดงความก้าวร้าวในลักษณะที่สร้างความเกลียดชัง หรือใส่ร้ายป้ายสีผู้หนึ่งผู้ใด เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะการอยู่รวมกันในสังคมย่อมสามารถแสดงความคิดเห็นต่างได้ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย และไม่เป็นการกระทำที่ไปกระทบสิทธิผู้อื่น อีกทั้งมีความเป็นห่วงเป็นใยเยาวชนที่ถูกชักจูงให้ร่วมกระทำความผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งปัจจุบันยังคงอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยภายในสังคม


ทั้งนี้ ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนโปรดตั้งสติ ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลในโซเชียลมีเดีย หรือจากแฮชแท็ก #ตำรวจระยองอุ้มประชาชน ทั้งในทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊ก เพราะหากทุกคนเคารพกฎกติกา ให้ความร่วมมือ ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งหรือประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้น