
.
ดร.สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิวุฒิสภา โพสข้อความระบุว่า
.
ขอคารวะจากใจประชาชนในมติแพทยสภา
ที่กล้าหาญยืนหยัดรักษาเกียรติยศ ตามจรรยาบรรณแพทย์ ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นแทบเอกฉันท์ เกือบ100% ไม่หวั่นไหวหรือหวั่นเกรงอำนาจ
หรือการล็อบบี้อามิสใดๆ
.
ชัดเจนครับว่าหลักนิติธรรมกำลังฟื้นคืน
จากนี้ไปคือการนำมติความเห็นของแพทยสภาพร้อมพยานหลักฐานเวชระเบียนใบรับรองแพทย์ประกอบความเห็นที่ถูกลงโทษทั้ง3รายเพราะคนไข้ไม่ป่วยวิกฤติ
ถือเป็นหลักฐานสำคัญ ให้ศาลฎีกาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิจารณาด้วยเพราะมีความปรากฏต่อศาลเองแล้ว ในการที่จะไต่สวน โจทก์ จำเลย และผู้เกี่ยวข้องที่ศาลนัดพร้อมหรือนัดไต่สวน
ในวันที่13มิย นี้ หรือศาลอาจออกหมายเรียกเพิ่มเติมให้ผู้แทนแพทยสภา นำรายละเอียดของมติดังกล่าวประกอบหลักฐานคือ
1)คำให้การของแพทย์ผู้ตรวจและดูแลรักษาต่ออนุตรวจสอบของแพทยสภา
2)ใบรับรองแพทย์ที่ใช้ประกอบความเห็นในการที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นักโทษรักษาตัวต่อเนื่องนอกเรือนจำทุก30วัน 60 วัน120 วัน
3)เวชระเบียนที่ รพตำรวจและกรมราชทัณฑ์ส่งให้แพทยสภาแล้ว
เพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับพยานเอกสารอื่นที่ส่ง
ศาลได้รับไว้ตามข้อกำหนดของศาลฎีกาในคดีนี้แล้ว อาทิ รายงานการตรวจสอบ12ครั้งของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภคฯวุฒิสภา รายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฯลฯ
ที่สำคัญคือพยานเอกสารที่ใบเสร็จค่าห้องพัก
ที่ชั้น14 รพตำรวจ ตลอด180วัน ที่ส่วนใหญ่เป็นค่าห้องพัก ปรากฎค่ายาและค่ารักษาทางการแพทย์เพียงบางส่วน ที่น่าจะถูกนำมาพิจารณาร่วมด้วย
ว่า กรมราชทัณฑ์ได้มีการบังคับโทษตามที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาจำคุกจำเลย8ปีแล้วหรือไม่
การอนุญาตให้นักโทษได้รับสิทธิในการพักรักษาตัวนอกเรือนจำนานถึง180วัน โดยมีอาการป่วยไม่วิกฤติดังกล่าว และไม่ได้คุมขังที่เรือนจำเป็นการเอื้อประโยชน์นักโทษเฉพาะรายหรือไม่
นักโทษต้องถูกนำกลับให้ไปบังคับโทษตามคำพิพากษาที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนนั้น
เป็นเรื่องที่ต้องติดตามด้วยความสนใจของประชาชนผู้รักความยุติธรรมทั้งประเทศต่อไปแบบตาไม่กระพริบ
ซึ่งในวันที่ 13มิยนี้ ศาลคงยังไม่มีคำพิพากษาทันที ด้วยเหตุการขอเลื่อนส่งเอกสารต่างๆของโจทก์ จำเลยหรือผู้เกี่ยวข้อง
ศาลย่อมให้ความเป็นธรรมและให้เวลาในการไต่สวนพิสูจน์ของแต่ละฝ่ายตามสมควร
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องติดตามจากนี้อีกคือเมื่อคำสั่งแพทยสภาถึงที่สุดในการสั่งลงโทษแพทย์ทั้ง3 รายอย่างเป็นทางการแล้ว หน่วยงานต้นสังกัดคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมราชทัณฑ์ จะมีคำสั่งดำเนินการสอบสวนทางวินัยลงโทษต่อไปหรือไม่ น่าสนใจใคร่ติดตามไม่แพ้กัน
แต่ระหว่างนี้ ผู้บังคับบัญชา คงต้อตามดูว่า จะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือย้ายออกจากตำแหน่งหน้าที่ชั่วคราวไว้ก่อน หรือไม่ด้วย เพราะอาจพบพยานหลักฐานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์และเป็นส่วนสำคัญให้สังคมยังไม่รับรู้สงสัยอีกมากมาย ก็เป็นได้ อาทิ ภาพถ่ายและวิดิโอกล้องวงจรปิด หรือเวชระเบียนทั้งหมด ฯลฯ ที่คงต้องตามกันต่อไปครับ
เชื่อมั่นและศรัทธา
สมชาย แสวงการ
อดีตสมาชิกวุฒิสภา
อดีตประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
12 มิย 2568
https://www.facebook.com/share/p/194BMgxEuv/?mibextid=wwXIfr
https://www.facebook.com/share/p/1FgLjnzpLM/?mibextid=wwXIfr