จากกรณีการเอาเงินภาษีประชาชน กู้ต่างชาติแจกเงินของนักการเมือง เพื่อซื้อเสียงตามหลักประชานิยม ที่มุ่งแต่ประโยชน์ตัวเอง ครอบครัวพรรคพวก จนโดน 4 จตุรเทพ ประกอบด้วย อดีตสส.ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ดร.สมชาย แสวงการ ดร.เจษฎ์ โทณะวนิก ทนายนกเขา ร้องต่อคณะกรรมการ ปปช. ตามกฎหมายประกอบรธน.ว่าด้วย ปปช.เมื่อ 25 เมษายน 2568 นั้น
ตามกระบวนการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม เมื่อ ปปช.เมื่อรับเรื่องคำร้อง จะต้องดำเนินการโดยพลัน ตามกฎหมายประกอบ รธน.ว่าด้วย ปปช. และต้องส่งฟ้องศาลรธน. กรณีแจกเงินตามรธน.มาตรา 144 เพราะทำให้ชาติได้รับความเสียหาย จากการแจกเงิน ไปโยกเงินใช้หนี้เงินกู้ 4 ธนาคาร และเอาไปให้ สส.-สว.เป็นกองทุนบำนาญจนตาย เพื่อต่างตอบแทน แลกเปลี่ยนมติการโยกเงินไปแจก เพื่อให้ได้คะแนนนิยมนั้น
อันเป็นไปตามวรรค 5 ต้องฟ้องศาลรธน. และเมื่อศาลรับคำร้องแล้วต้องดำเนินการใน 15 วัน เพราะเป็นกรณีเร่งด่วนที่ รธน.ระบุไว้ เพราะสร้างความเสียหายต่อชาติอย่างรุนแรง
ซึ่งศาลรธน.มีอำนาจ ให้ยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และตัดสิทธิทางการเมืองได้ในทันที และ ปปช.ยังต้องส่งฟ้องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากคำพิพากษาของศาลรธน. ผูกพันทุกองค์กร เพื่อเอาผิดตามมาตรา 157 ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากเงินของจำเลย ทั้ง สส.-สว.-ครม.(เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง)หากผิดจริงตามคำฟ้อง ไม่เพียงพอต่อความเสียหาย 2 ครั้งคือ 3.5 หมื่นล้าน และ 1.3 พันล้าน ต้องใช้กฎหมาย 5 ชั่วโคตร ทำการยึดทรัพย์ ครอบครัวคืน เพื่อให้ตกเป็นของแผ่นดิน
เจตนาในการร่าง รธน.มาตรานี้ ที่ “นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ” ที่เจตนาอยากทำความดี เพื่อความดี ได้ร่างขึ้น ตั้งแต่ปี 2560 หลังการทำประชามติ และทูลเกล้าถวายฎีกาในหลวงพระองค์ แล้วทรงให้พลเอกไพบูลย์คุ้มฉายา องคมนตรี ไปให้พลเอกประยุทธ์ เมื่อ 10 ธันวาคม 2560 ถึงทำเนียบรัฐบาล
พลเอกประยุทธ์ ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อบรรจุเพิ่มเติม ในรธน. มี 128 มาตราเข้าไปใน รธน.ปี 2560 กรณีมาตรา 144 นี้ ยังผูกพันกับกฎหมายประกอบรธน.ของ ปปช. ด้วย จนคุณมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานร่าง รธน. ออกปากว่าจะเป็น รธน. ”ปราบโกง“
เจตนารมณ์ผู้ร่าง ที่ร่างเช่นนี้เพื่อเอาผิดนักการเมือง ทำลายชาติ โดยเฉพาะพวกแจกเงิน เพื่อประโยชน์ของตัวเอง พรรคพวก ป้องกันไม่ให้ประเทศสู่หายนะเหมือนประเทศอาร์เจนติน่า จากประเทศที่ร่ำรวยที่สุด ที่มีแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ มหาศาลกลายเป็นประเทศที่ยากจนที่สุด เพราะต้องขายไฟฟ้า น้ำประปา ถนน สื่อของรัฐ ให้เอกชนครอบครอง จนค่าครองชีพพุ่งทะยาน
ปัจจุบันไทยก็เริ่มกำลังเผชิญในลักษณะใกล้เคียงกัน ถนน ไฟฟ้า สื่อของรัฐ ปตท.ตกเป็นของเอกชน จนทำให้ธนาคารโลกจัดอันดับประเทศไทย ต่ำเกือบที่สุดในอาเชี่ยนใกล้เคียงกับพม่าแล้ว
ที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ปปช.ได้ออกแถลงเตือนอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาล สส. สว ไปแล้วสมัยเศรษฐาเป็นนายกฯ แต่ คณะรัฐมนตรี เศรษฐา อุ๊งอิ๊ง – สส.-สว. ยังคงฝ่าฝืน เจตนาในการกระทำ อันทำให้ชาติได้รับความเสียหาย ถ้าหากศาลเห็นว่ามีความผิดจริงดั่งว่า ก็จะเป็นเหตุการณ์ช็อกครั้งใหญ่ ครั้งประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ช็อกเฉพาะประเทศไทย แต่จะช็อกกันทั้งโลก อันเป็นไปตามหลักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
”กรรมเกิดจากการกระทำ ใครทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมตามนั้น “
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
4 พฤษภาคม 2568