ไทยรัฐ – บิ๊กกุ้ง พลโทบุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศขอยุติงานด้านความมั่นคงชายแดน โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้แม่ทัพภาคที่ 2 และโฆษกกองทัพบกสามารถชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาได้อย่างชัดเจนและเป็นเอกภาพ
ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และผู้อำนวยการหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุขได้เข้าร่วมรับฟังการเสวนาวิชาการเรื่องความเข้าใจ MOU 43-44 ไทย-กัมพูชา : จากข้อตกลงสู่การปฏิบัติ ที่สถาบันพระปกเกล้า
โดยพลโทบุญสิน ได้กล่าวสั้น ๆ บนเวทีเสวนา มีใจความสำคัญเพียงว่า “ตัวผมเองไม่ใช่นักวิชาการ แต่ทั้งชีวิตปฏิบัติจริงมาตั้งแต่จบ จนเป็นร้อยตรี อยู่กับสังคมที่ไม่สันติสุขเยอะมาก อยู่กับสังคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตลอดชีวิตราชการ และอยู่กับพี่น้อง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มา 4 ปี ผมหยุดทำงานวันเดียวที่ภาคใต้ คือ วันอาทิตย์ นอกนั้นผมออกพื้นที่ตลอด สำหรับตัวผมและทีมงานที่ไปกับผม ถ้าผมไม่ออกพื้นที่ ผมก็จะไม่รู้ว่าพี่น้องคือใคร พี่น้องกินอยู่อย่างไร เขาเดือดร้อนเรื่องอะไรกันบ้าง รวมไปถึงทั่วประเทศไทยเองก็เหมือนกัน ถ้าพวกท่านเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่รับผิดชอบ คุณนั่งโต๊ะน้อย ๆ หน่อย อย่าอยู่ในห้องนาน ผมว่างานที่ท่านรับผิดชอบสันติสุขแน่นอน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ผมเน้นการปฏิบัติมาตลอดทั้งชีวิต ทุกครั้งที่มีปัญหาผมเข้าหาปัญหามาโดยตลอด แม้ว่าปัญหานั้นจะอันตรายมาก ผมอยู่กับเรื่องพวกนี้มาบ่อยมาก ยิ่งห่างยิ่งเจ็บ เพราะฉะนั้นเสริมสร้างสังคมสันติสุข มีอยู่ 2 สิ่งเท่านั้น คือ คนกับพื้นที่ หากจัดการเรื่องคนกับพื้นที่ให้เข้าใจได้ มันก็จะสันติสุข และผู้นำมีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนา ในทรัพยากรที่ท่านมีอยู่ ประชากรก็จะเกิดสันติสุขด้วย”
หลังจากการเสวนา พลโทบุญสินได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเขาได้แสดงความเห็นว่าในฐานะผู้อำนวยการหลักสูตร 4ส. เขาขอยุติงานด้านความมั่นคงชายแดน เพื่อให้ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสามารถชี้แจงสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้เขายังได้กล่าวถึงความสำคัญของการตรวจสอบข่าวสารในด้านความมั่นคง และให้กำลังใจแก่ฝ่ายความมั่นคงในการทำงาน
สุดท้าย พลโทบุญสินได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับความกังวลของหลายฝ่ายเกี่ยวกับการยุติปฏิญญาฯ ว่าควรให้กำลังใจท่านนายกรัฐมนตรี และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักในสถานการณ์ที่ซับซ้อนนี้