ไทยโพสต์ – “ดร.ณัฏฐ์” ชี้ปมยื่นอุทธรณ์ “ทักษิณ” ในคดี 112 แม้ศาลยกฟ้อง ทำให้ “พักโทษไม่ได้” ต้องถูกจำคุกเต็มตามคำพิพากษา เป็นเกมกลยุทธ์ตัดขาพรรคเพื่อไทย
17 พฤศจิกายน 2568 – สืบเนื่องจากศาลอาญาพิพากษายกฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีความผิดมาตรา 112 และ พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยอยู่ในระหว่างพนักงานอัยการโจทก์ขยายระยะเวลาอุทธรณ์โดยจะครบกำหนดครั้งที่ 3 ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า อัยการสูงสุดกลับความเห็นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า คดีนอกราชอาณาจักร เป็นดุลพินิจและอำนาจของอัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดมีความเห็นอุทธรณ์ ทำให้คดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องยังไม่ถึงที่สุด
การยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง หากจำเลยไม่ถูกจำคุกคดีอื่น อาจไม่มีผลทางคดี เพราะต้องไปสู้กันในชั้นอุทธรณ์และใช้ระยะเวลานานพอควร
แต่กรณีของนายทักษิณฯ ที่ถูกจำคุกในคดีอื่นจะเกิดปัญหาทันที เพราะมีผลต่อดุลพินิจของคณะกรรมการพิจารณาในการพักโทษ ทำให้กระบวนการขอพักโทษชะงัก ขึ้นทันที
หากมีคดีอื่น ที่ผลคดียังไม่ถึงที่สุด แม้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ย่อมเป็นเหตุที่ให้คณะกรรมการพักโทษยกผลคดีที่ยังไม่ถึงที่สุดยกขึ้นอ้าง นำมาพิจารณาถึงเหตุไม่อนุมัติหรือไม่เห็นชอบในการขอพักโทษของนายทักษิณฯ
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวต่อไปว่าพี่น้องประชาชน ต้องแยกทำความเข้าใจกัน กรณีนายทักษิณฯ นักโทษเด็ดขาด ขอพักโทษโดยเข้าเงื่อนไขในการพักโทษ ไม่ได้ห้ามนายทักษิณยื่นคำขอ แต่ดุลพินิจในการพักโทษ จะต้องไม่ไม่คดีอื่นๆค้างอยู่ เรียกว่า ยังมีคดีอื่นยังไม่ถึงที่สุด
พูดภาษาชาวบ้าน คือ ทักษิณ นักโทษเด็ดขาด ถูกจำคุกครบเงื่อนไขในการพักโทษ เช่น ถูกจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 อาจยื่นขอพักโทษก็ได้ แต่กรณีมี “คดีอื่น” หรือ “คดีต่อ” ทักษิณ นักโทษรายดังกล่าว อาจยื่นขอได้ แต่ส่วนใหญ่ จะไม่อนุมัติหรือไม่ให้ความเห็นชอบในการพักโทษ
เงื่อนไขในการพักโทษ เป็นไปตาม พรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ประกอบระเบียบของกรมราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เหล่านี้เป็นเงื่อนไขสำคัญ ในการพักโทษของนักโทษเด็ดขาด ทั้งนี้ จะต้องพิจารณาถึงชั้นของนักโทษและเกณฑ์อื่นๆ ประกอบการพิจารณาด้วย
พูดภาษาชาวบ้าน คือ การพักโทษ เป็นความหวังของนักโทษเด็ดขาดที่จะออกมาอยู่กับครอบครัว โดยเงื่อนไขในการคุมประพฤติ
แต่มีเงื่อนไขประการหนี่ง หากผู้ต้องขังเด็ดขาดรายนั้น มีคดีอื่นๆ แม้จะเป็นความผิดฐานอื่น โดยคดียังไม่เป็นที่สุด โดยคดีอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์หรือฎีกา ก็ตาม ย่อมมีผลต่อดุลพินิจหรือความเห็นของคณะกรรมการพักโทษโดยตรง ที่จะไม่อนุมัติหรือไม่เห็นชอบในการพักโทษของผู้ต้องขังรายดังกล่าว
แม้กฎหมายไม่ได้ห้ามมิให้ผู้ต้องขังในการยื่นคำขอให้พักโทษอย่างเด็ดขาด แต่ในทางปฏิบัติหากมีคดีต่อหรือคดีอื่นที่ยังไม่เสร็จสิ้น คณะกรรมการจะไม่อนุมัติหรือพิจารณาให้ความเห็นชอบ
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเจตนารมณ์ในการพักโทษ ต้องรับโทษมาจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม เป็นผู้ประพฤติตนดี ไม่เป็นภัยแก่สังคม โดยเมื่อคณะกรรมการอนุมัติ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขในการประพฤติ
ดร.ณัฏฐ์ กล่าวด้วยว่าในเกมการเมือง คดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกจำคุกจริง เดิมมติของคณะกรรมการพิจารณาคดีอุทธรณ์ มาตรา 112 ของสำนักงานอัยการสูงสุด มีมติ 8 ต่อ 2 ไม่อุทธรณ์ โดยนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อดีตรองอัยการสูงสุด ขณะนั้น เป็นประธาน แต่อัยการสูงสุดคนเดิมยังไม่มีความเห็นใดๆในทางคดี ต่อมาเมื่อเปลี่ยนอัยการสูงสุดคนใหม่ โดยนายอิทธิพร แก้วทิพย์ เป็นอัยการสูงสุด ย่อมมีอำนาจกลับความเห็นได้ โดยยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา
ผลการยื่นอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด มีผลต่อตัวนายทักษิณ ชินวัตร ที่คณะกรรมการพักโทษไม่อาจเห็นชอบให้พักโทษได้ ส่งผลทำให้นายทักษิณฯ ต้องถูกบังคับโทษ “เต็มตามคำพิพากษาของศาลฎีกา” คือ จำคุกเต็ม 1 ปี
พูดภาษาชาวบ้าน คือ การอุทธรณ์ของอัยการสูงสุด มีผลกระทบต่อกระบวนการขอพักโทษของนายทักษิณฯ แม้ผลคดีศาลอุทธรณ์จะพิพากษาออกบวกหรือลบก็ตาม ส่งผลให้ทักษิณฯติดคุกยาว ครบ 1 ปี
ในแง่การเมือง เป็นเทคนิคเกมตัดแต้ม กลยุทธ์ตัดขาทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เมื่อนายทักษิณฯ ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ถูกพักโทษตามเงื่อนไขและสิทธิของนักโทษเด็ดขาด ส่งผลเลือกตั้งใหญ่ ปี 2569 ย่อมไม่ได้ออกมาเป็นหัวหอกแกนนำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ในการร่วมรณรงค์ในการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อแย่งชิง สส. เพื่อให้ได้ สส.อันดับ 1 เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ย่อมมีผลกระทบตัวแปรต่อทิศทางของพรรคเพื่อไทย การเมืองสามก๊กร้อนแรง ก่อนยุบสภา ทำให้พรรคสีน้ำเงิน พรรคสีส้ม มีผลบวกและได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง
