ดีเอสไอเคลื่อนทีมสอบกลางตึก “ซิโน–ไทย ทาวเวอร์” สอบปากคำพยาน “2 ผู้ถือหุ้นคนไทย” บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์ฯ หลังถูกตั้งข้อสังเกตโยงเครือข่าย “เฉิน จื้อ” นักธุรกิจชื่อดังผู้ถูกสหรัฐอายัดทรัพย์ฐานฟอกเงิน ขุดข้อมูลลึกเส้นทางทุน–ธุรกิจอสังหาฯ
.
วันที่ 24 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำโดย ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม และเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าตึก ซิโน–ไทย ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เพื่อสอบปากคำพยานและตรวจเอกสารจาก บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Prince International) หลังถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกี่ยวโยงกับเครือข่าย ปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Prince Holding Group) ของ เฉิน จื้อ (Chen Zhi) นักธุรกิจสัญชาติกัมพูชา–อังกฤษ ที่ถูกสหรัฐอเมริกาอายัดทรัพย์ในคดีฟอกเงินและค้ามนุษย์ข้ามชาติ
.
การสอบสวนครั้งนี้ DSI ได้เรียกสอบ 2 ผู้ถือหุ้นชาวไทย ได้แก่
- นายปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ
- นายวุฒิชัย ประทุมวัลย์
.
โดยสอบปากคำเกี่ยวกับโครงสร้างธุรกิจ เส้นทางการเงิน และความเชื่อมโยงทางการค้า ว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับกลุ่มทุน “ปรินซ์ กรุ๊ป” หรือบุคคลในเครือของเฉิน จื้อหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่า ผู้ถือหุ้นรายใดมีการถือหุ้นในบริษัทอื่นที่อาจเป็นเครือข่ายซ้อนเชื่อมอยู่เบื้องหลัง
.
เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า หากพยานให้การว่า “มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทปรินซ์ โฮลดิ้ง กรุ๊ป” จะมีการขยายผลต่อทันที ทั้งในมิติของธุรกิจที่ร่วมดำเนินการ ระยะเวลาความสัมพันธ์ และสถานะปัจจุบัน ขณะที่หากยืนยันว่า “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” ก็จะถูกบันทึกคำให้การไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นส่งมอบเอกสารทางบัญชีหรือธุรกรรมเพิ่มเติมเพื่อประกอบการสืบสวน
.
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมี นายหวัง ยู่ ถัง สัญชาติจีน (ไต้หวัน) เป็นกรรมการใหญ่ ถือหุ้น 49% ขณะที่ผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 3 รายคือ นายพิภพ ประทุมวัลย์ 21%, นายปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ 20% และนายวุฒิชัย ประทุมวัลย์ 10%
.
ก่อนหน้านี้ บริษัทเช่าพื้นที่ชั้น 7 ของอาคารซิโน–ไทย ทาวเวอร์ เพื่อประกอบธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ซึ่งบริษัทผู้ให้เช่า เอชทีอาร์ จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนเทา หรือขบวนการฟอกเงินใด ๆ
.
จากการตรวจสอบงบการเงินย้อนหลังของบริษัท พบว่ายังไม่มีรายได้หรือผลกำไรชัดเจน โดยปี 2567 รายได้รวม 858,415 บาท แต่ขาดทุนสุทธิสูงถึง 4.28 ล้านบาท ซึ่ง DSI จะนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการสืบสวนเชิงลึกต่อไป
.
ทั้งนี้ การเข้าตรวจสอบในวันนี้ ถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการขยายผลคดีทุนเทาและเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติที่โยงถึงไทย โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากกัมพูชาที่ถูกสหรัฐฯ อายัดทรัพย์ ซึ่ง DSI ย้ำว่าจะทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง ปปง. และหน่วยข่าวกรองทางการเงินระหว่างประเทศ เพื่อคลี่คลายปมเส้นทางเงินให้ถึงที่สุด