ด่วน ‘วีริศ อัมระปาล’ ผู้ว่ารถไฟฯ ยื่นหนังสือลาออก เซ่นพิษไฮสปีด-เขากระโดง
ฐานเศรษฐกิจ
07 ต.ค. 2568 | 16:25 น.
- นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งแล้ว
- สาเหตุหลักคาดว่ามาจากแรงกดดันใน 2 กรณี คือ ปัญหาที่ดินบริเวณเขากระโดง และการแก้ไขสัญญารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
- กรณีที่ดินเขากระโดงเกี่ยวข้องกับการฟ้องขับไล่ผู้ครอบครองที่ดินซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองใหญ่ในจังหวัดบุรีรัมย์
- กรณีรถไฟความเร็วสูงเกิดจากความล่าช้าในการเจรจาแก้ไขสัญญาที่อาจทำให้รัฐเสียเปรียบ ซึ่งผู้ว่าฯ รฟท. ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ลงนาม
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่า รฟท. ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่มีการลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2567 โดยนายวีริศได้เริ่มทำงานเพียง 1 ปี
ทั้งนี้หนังสือลาออกดังกล่าวจะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. พิจารณาในช่วงสิ้นเดือนนี้ คาดว่าจะมีผลทันที
สำหรับเหตุผลของการยื่นหนังสือลาออก คาดว่ามาจากนายวีริศได้ลงนามในหนังสือเลขที่ รฟ.อบ.1000/1792/2568 ลงวันที่ 29 ก.ย.2568 สำนักงานอาณาบาล ฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ตำบนอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามหนังสือที่ ปช 0040 (บร)/1542 ลงวันที่ 12 ก.ย. 2568
อย่างไรก็ดีพบว่าที่ดินทั้งสองแปลงที่ รฟท.จะดำเนินการฟ้องขับไล่ เบื้องต้นเป็นที่ดินอยู่ในการครอบครองของนางกรุณา ชิดชอบ (ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) 1 แปลง
และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด 1 แปลง อีกทั้งการลาออกในครั้งนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งมาจากพรรคภูมิใจไทย
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการแก้ไขสัญญาในโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) โดยที่ผ่านมาอัยการสูงสุดตรวจสอบร่างสัญญาแล้ว ซึ่งพบว่ามีข้อสังเกต 18 ประเด็น ที่ให้รฟท.ปรับแก้ไขเพื่อไม่ให้รัฐเสียเปรียบ ปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างหารือกับเอกชนคู่สัญญาถึงประเด็นดังกล่าว
ขณะเดียวกันการปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ที่มีนโยบายให้เดินหน้าเจรจาหาทางออกใหม่ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันที่จะทำตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ซึ่งหากการเจรจาเรื่องนี้ไม่มีบทสรุป
อย่างไรก็ดีหากนำไปสู่การบอกเลิกสัญญาก็จำเป็นต้องมีการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเสียโอกาสดำเนินโครงการ ทั้งนี้ผู้ว่า รฟท.ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาก็จะมีส่วนรับผิดชอบด้วย