เปิดมติคณะกรรมการคดี ม.112 อัยการ 8-2 เสียง ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ‘ทักษิณ ชินวัตร’ หมิ่นสถาบันฯ ส่ง อสส.เคาะสุดท้ายก่อน 1 ต.ค. นี้
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เสนอข่าวความคืบหน้าการอุทธรณ์คดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้พาดพิงสถาบันฯ เมื่อปี 2558 ของคณะทำงานอัยการ ภายหลังศาลอาญา มีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ว่า ขณะนี้คณะทำงานอัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ มีความเห็นไม่อุทธรณ์คดีแล้ว และมีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาตามขั้นตอน ปัจจุบันเรื่องอยู่ที่หน้าห้อง อสส.
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการพิจารณาคดีมาตรา 112 ของอัยการ มีการพิจารณาลงมติ 8 ต่อ 2 เสียง ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีที่อัยการสูงสุด (อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์) โดยพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 ยื่นฟ้อง นาย ทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เเละความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีเมื่อปี 2558 นายทักษิณเคยให้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้มีเนื้อหากระทบสถาบันฯ ไปแล้ว ซึ่งคดีดังกล่าวศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องเมื่อวันที่ 22 ส.ค. เนื่องจากศาลมองว่า คนที่ได้รับฟังคลิปวิดีโอ ล้วนเข้าใจตรงกันว่าจำเลยให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจและรัฐประหาร โดยพาดพิงถึง นายสุเทพ กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น ไม่ได้พาดพิงหรือสื่อความหมายถึงสถาบันฯว่าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหาร การสืบพยานหลักฐานโจทก์ไม่สมกับภาระการพิสูจน์ในคดีอาญาว่าจำเลยกระทำความผิด จึงรับฟังไม่ได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ นายไพรัช มีคำสั่งให้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณากลั่นกรอง ของคณะกรรมการคดีมาตรา 112 ของอัยการที่มี นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รองอัยการสูงสุด ว่าที่อัยการสูงสุด 1 ต.ค.2568 นี้ เป็นประธาน
โดยที่ประชุมมีมติ 8-2 เห็นควรไม่อุทธรณ์ก่อนส่งให้นายไพรัชอัยการสูงสุด พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว ซึ่งนายไพรัชยังมีเวลาพิจารณาก่อนจะพ้นวาระก่อน 1 ต.ค.นี้
สำหรับคณะกรรมการพิจารณาคดี 112 คือคณะกรรมการที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพทั่วราชอาณาจักร ประกอบไปด้วย รอง อสส.ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน ปัจจุบันคือ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ รอง อสส. ส่วนเลขาคณะกรรมการชุดนี้คือ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาโดยตำเเหน่ง ในส่วนคณะกรรมการ จะมาจากอัยการที่ดำรงตำเเหน่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ ,อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี เเละอธิบดีอัยการสำนักงานอาญาอื่นๆ เพราะถือว่าเป็นสำนักงานที่ต้องรับคดีประเภทนี้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนด้วยเนื่องจากบางคดีมีสำนวนที่เป็นคดีนอกราชอาณาจักร
รวมถึงผู้ตรวจการอัยการบางคน เเละมีระดับรองอธิบอัยการบางสำนักงาน รวมกัน 10 กว่าคน (จำนวนไม่เเน่ชัด) ขึ้นอยู่กับอัยการสูงสุดในขณะนั้นตั้งขึ้น ทำหน้าที่พิจารณาสำนวนคดี 112 จากทั่วประเทศ เรียกว่าคดี 112 คดีใดจะสั่งฟ้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดนี้
เเต่สำหรับคดีนี้ ซึ่งตามขั้นตอนคดี 112 ของ นายทักษิณ เป็นคดีนอกราชณาจักรอำนาจพิจารณายื่นอุทธรณ์เป็นของอัยการสูงสุด การพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคดี 112 จึงเป็นการกลั่นกรองให้อัยการสูงสุดไม่ใช่การสั่งคดีเหมือนในชั้นพิจารณาคดี 112 ทั่วไป
สำหรับขั้นตอนต่อไปหากอัยการสูงสุดไม่ยื่นอุทธรณ์ตามความเห็นของคณะกรรมการคดี 112 จะส่งผลให้คดีของ นายทักษิณ สิ้นสุดลงในศาลชั้นต้น เเต่หากยื่นอุทธรณ์คดีจะเข้าสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ต่อไป