และแล้ววันนี้ที่ยากลำบากก็มาถึง…
.
ถ้าจะบอกว่าผมลงมติในการเลือกนายกรัฐมนตรีวันนี้ โดยไม่มีความรู้สึกกังวลใจต่ออนาคตประเทศหลังจากนี้เลย ผมคงเป็นคนโกหก
.
นับตั้งแต่พรรคประชาชนตัดสินใจร่วมกัน ว่าเราจะไม่อยู่นิ่งเฉยในการเลือกนายกรัฐมนตรีหลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จะพยายามใช้เสียง สส. 140+ คน เพื่อขยับทิศทางประเทศไปสู่ทิศทางที่เลวร้ายน้อยที่สุด ผมรู้ดีว่าสักวันหนึ่ง – ไม่ว่าจะขานชื่อใคร – เราจะต้องขานเสียงในสภาที่ขัดต่อจิตสำนึกตนเอง และขัดต่อความฝันและความต้องการของประชาชน 14 ล้านคน ในวันที่เขาเลือกผมและพรรคให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนพวกเขาในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
.
ผมยืนยันว่าการตัดสินใจที่ยากลำบากในวันนี้ ไม่เคยอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจใคร – ในฐานะหนึ่งในผู้แทนราษฎรที่พยายามผลักดันเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมรับรู้ดีว่าฝ่ายไหนมีความไม่จริงใจอย่างไรต่อวาระเรื่องรัฐธรรมนูญและได้พยายามทักท้วงและเสนอแนะทุกฝ่ายในทุกๆขั้นตอนมาโดยตลอด ถึงแนวทางที่ผมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดต่อเป้าหมายดังกล่าว
.
แม้เราพยายามรับฟังและไตร่ตรองกับสมาชิกพรรคและประชาชนทุกภาคส่วนอย่างรอบด้านที่สุด..
แม้เราพยายามออกแบบกลไกและเลือกเส้นทางที่จะทำให้เราควบคุมอีกฝ่ายให้รักษาข้อตกลงได้อย่างรัดกุมที่สุด..
แต่เรายอมรับว่าการตัดสินใจของเราในวันนี้ ย่อมมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้
.
เรารู้ดีว่า “โซ่ตรวน” ที่เรามีในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ที่นำไปคล้องคอรัฐบาลเสียงข้างน้อย อาจถูกอำนาจอื่นๆเข้ามาเซาะกร่อนและทำให้อ่อนแอลง
.
แต่ในเมื่อเราร่วมกันเลือกเดินเส้นทางนี้แล้ว ผมเห็นว่าสิ่งที่เราทำได้เพื่อให้ “โซ่ตรวน” ดังกล่าวแข็งแกร่งที่สุด คือความเป็นเอกภาพและการทำงานหนักของพวกเรา สส. ทั้ง 140+ คน ที่มาจากเสียงของประชาชน 14 ล้านคน ในการตรวจสอบทุกฝีก้าวของรัฐบาลใหม่ และใช้กลไกสภาเพื่อล้มรัฐบาลใหม่ทันทีที่มีการเบี้ยวข้อตกลงหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ
.
สำหรับพี่น้องประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล และรู้สึกผิดหวังต่อการตัดสินใจของเราในวันนี้ ผมอยากให้ทุกท่านรู้ ว่าเสียงของท่าน ยังคงสำคัญ ยังคงดังมาถึงห้องประชุมพรรค และยังมีผลต่อการตัดสินใจของพรรคเราเสมอ
.
สำหรับพี่น้องประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคก้าวไกล และเห็นด้วยหรือยอมรับการตัดสินใจของเราในวันนี้ ผมอยากให้ทุกท่านเปิดใจ รับฟัง และเข้าใจ ว่าคนที่เห็นต่างจากท่าน ก็ล้วนปราถนาดีต่อพรรคและประเทศไม่น้อยไปกว่าท่าน
.
สำหรับพี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ไม่อยากเห็นคุณอนุทินเป็นนายกฯ ผมยืนยันว่าเราจะรับผิดชอบต่อการตัดสินใจวันนี้โดยการทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไปอย่างเต็มที่ เพื่อตรวจสอบและป้องกันไม่ให้การตัดสินใจของเรา สร้างความเสียหายกับประชาชน
.
สำหรับคุณอนุทิน ผมเห็นว่าคุณอนุทินต้องจดจำทุกข้อความและถ้อยคำในข้อตกลงที่คุณได้เซ็นต่อหน้าประชาชน และ ตระหนักไว้เสมอว่า:
.
คุณได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ไม่ใช่เพราะประชาชนหรือพรรคประชาชนไว้วางใจคุณ แต่เพราะความบิดเบี้ยวของกติกาการเมืองไทยตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่คุณได้ประโยชน์มาโดยตลอด แต่วันนี้คุณมีหน้าที่ต้องเข้าไปแก้ไขและปลดล็อก
.
คุณถูกเลือกโดยสภา ให้เข้าไปยุบสภาและคืนอำนาจให้กับประชาชนโดยเร็วและภายในไม่เกิน 4 เดือน ไม่ใช่ให้คุณเข้าสู่อำนาจแล้วพยายามหาข้ออ้างเรื่องภัยความมั่นคง ภัยธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อขยายระยะเวลาที่คุณอยู่ในอำนาจ
.
คุณถูกเลือกโดยสภา ให้เข้าไปปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจาการเลือกตั้ง ไม่ใช้ให้คุณเข้าสู่อำนาจแล้วพยายามหาเทคนิคในการบิดพลิ้วจากเป้าหมายดังกล่าวผ่านรายละเอียดในการออกแบบคำถามประชามติหรือที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ
.
คุณถูกเลือกโดยสภา ให้เข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม-กำกับของฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ไม่ใช่ให้คุณไปดำเนินการหรือปล่อยให้พรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการเติมเสียงให้ฝ่ายตนเอง หรือพยายามหลอกลวงประชาชนว่า สส. พรรคอื่น เขามาเติมเสียงให้คุณเอง
.
คุณถูกเลือกโดยสภา ให้เข้าไปเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจเฉพาะกาล ที่มีหน้าที่ในการยุบสภาและปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช้ให้เข้าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช้ให้เข้าไปตั้งคณะรัฐมนตรีที่เข้ามากอบโกยผลประโยชน์ประเทศ และไม่ใช้ให้เข้าไปสนับสนุนหรือปล่อยให้มีการเข้ามาของอำนาจนอกระบบที่ไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย
.
.
หลังจากนี้ ผมและพรรคจะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ในฐานะฝ่ายค้าน เพื่อติดดตามทุกฝีก้าวและตรวจสอบทุกการกระทำของรัฐบาล ให้ไม่บิดพลิ้วจากข้อตกลงที่ได้ลงนามต่อหน้าประชาชน และให้ไม่เป็นการนำเสียงของประชาชนไปใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อประโยชน์ส่วนตนของใคร