“ภูมิธรรม”ไฟเขียว!! ทหารมีสิทธิ์ป้องกันตนเอง ตามสนธิสัญญากฎหมายระหว่างประเทศ เผยคุยกับกองทัพแล้ว 
หลังเขมรวางทุ่นระเบิดสังหารใหม่
ทำทหารไทยขาขาดอีก
เผย หารือกต.แล้ว เตรียมยื่นสหประชาชาติ
แสดงความเสียใจทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซ้ำ
ชี้ กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทหารในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชาเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกองทัพบก โพสต์ข้อความว่า ” หากจำเป็นกองทัพพร้อมใช้สิทธิ์ป้องกันตนเอง” ว่า ตนขอแสดงความเสียใจกับนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นเรื่องที่ต้องเห็นใจ ในการทำหน้าที่
ซึ่งทางทหารได้เสนอว่าจะต้องปกป้องตนเอง ซึ่งตามสนธิสัญญากฎหมายระหว่างประเทศสามารถทำได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กระทบ และผิดอนุสัญญาต่างๆ โดยเฉพาะการใช้ทุ่นระเบิด ซึ่งผิดอนุสัญญาออตตาวา
ทุกอย่างมีกระบวนการต้องไปดำเนินการยื่นฟ้องร้องกับสหประชาชาติให้เห็นว่า เรื่องนี้เป็นปัญหา และสหประชาชาติจะมีขั้นตอน แจ้งให้ทั้งสองฝ่ายรับทราบ และมีขบวนการที่จะดำเนินการต่อตามกฎหมาย
นายภูมิธรรม เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมยื่นเรื่องต่อสหประชาชาติ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องใช้ความระมัดระวัง แต่เป็นเรื่องที่ทำได้และควรจะทำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าความประสงค์ของทางกัมพูชา ไม่ได้มีเจตนาที่จะให้เกิดสันติภาพ เดี๋ยวคงจะต้องมีการพูดคุยกัน
ส่วนจะต้องมีการส่งสัญญาณ ลงไปในพื้นที่ ว่ากองทัพสามารถใช้สิทธิ์ปกป้องตนเองได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีขั้นตอนกระบวนการ กองทัพบกจะต้องดำเนินการเพราะพื้นที่หน้างานจะสะท้อนให้รับทราบ ซึ่งกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลจะต้องพูดคุยกัน
ส่วนจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ประชาชนไม่มั่นใจและอพยพตนเองออกจากพื้นที่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนเห็นใจ เพราะประชาชนก็หวาดระแวง เป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการทุกส่วน และกองทัพ ที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มาก ให้อยู่ในภาวะที่ไม่ตื่นตระหนกเกินไป
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ อยากให้รัฐบาลยื่นศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทำมาหลายเรื่อง และที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับเลขาธิการสหประชาชาติ และคณะกรรมการอนุสัญญาออตตาวา
พร้อมย้ำว่า ได้หารือกับทางกระทรวงการต่างประเทศ และจะดำเนินการอย่างเต็มที่ และขณะนี้เองกระทรวงการต่างประเทศได้ทำไปแล้วอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่สำคัญคือการชี้แจง และทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน และการที่จะสามารถทำให้นานาชาติ ได้รับรู้ เรายังทำช้าไป ยังเสียงดังไม่พอ
แต่ท่านก็ยืนยันว่าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการต่างประเทศ ต่างประเทศเข้าใจเรามากกว่าเข้าใจกัมพูชา เพราะคนมองเห็นก็จะได้เห็นในรายละเอียดต่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือคนที่อยู่ในประเทศนี่แหละ ต้องทำให้ชัดเจน ถ้าทำให้คนในประเทศเข้าใจก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก