ข่าวประจำวัน » โอ้โห โกงหมื่นล้าน !! พี่เต้ แฉส่วยต่างด้าว มีขรก.ระดังบสูงเอี่ยว จ่อร้อง DSI

โอ้โห โกงหมื่นล้าน !! พี่เต้ แฉส่วยต่างด้าว มีขรก.ระดังบสูงเอี่ยว จ่อร้อง DSI

16 July 2025
80   0

“เต้ มงคลกิตติ์” แฉ ส่วยแรงงานต่างด้าวหมื่นล้าน – เอี่ยว 2 ข้าราชการระดับสูง กรมแรงงาน-ฝ่ายการเมือง จ่อ ร้อง ดีเอชไอ ตรวจสอบ

  วันที่ 16 ก.ค. 68 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น ยื่นหนังสือถึง นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อขอให้มีการตรวจสอบขบวนการเรียกเก็บค่าหัวคิวส่วยแรงงานกัมพูชา นอกระบบ 287,557 ราย(ค่าอนุมัติ Name List)  วงเงินกว่า 718 ล้านบาท  ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา ค่า Calling กรม 500-600 บาท/ราย รวม 143-172 ลบ.(ฝ่ายไทย) โดยมีนายศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร เป็นผู้รับหนังสือแทน โดยมีการจ่ายส่วยถึงบุคคล ประกอบด้วย นักการเมือง PP ,เพื่อนนักการเมือง ชื่อ เจ็ก T ,ลูกนักการเมือง PP ประสานเพื่อนลูกนักการเมือง ชื่อ ป๋อง ซึ่ง โต้โผใหญ่ คือ อดีตข้าราชการประจำระดับสูง โดยคนชื่อ P จัดการประสานผ่านบริษัท บนจ.เอส และ บนจ.เครือข่าย และจ่ายรายทางกับ ข้าราชการในกรมการจัดหางาน ซึ่งเรียกรับเงินเพิ่มเติมแบบไม่มีใบเสร็จจากแรงงานต่างด้าว คนละ 2,500 บาท และค่างานเร็ว Calling กรม 500-600 บาท/ราย นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ทางราชการกำหนดไว้ โดยหน่วยงานสร้างระบบลงทะเบียนขึ้นมารองรับ เพื่อเช๊คยอด ซึ่งหากไม่จ่ายเงินส่วนนี้เพิ่มเติมก็จะไม่ได้รับการอนุมัติให้ต่อใบอนุญาต ทำให้แรงงานต่างด้าวเกิดความกลัวว่าจะถูกจับกุมจนยอมทำตาม และเมื่อมีการจ่ายเงินในส่วนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แรงงานฯ แต่ละรายจะได้รับอนุมัติเรื่องภายใน 2-3 วัน จากนั้นก็สามารถพรินต์เอกสาร Name List ออกจากระบบ นำไปดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ทั้งการตรวจสุขภาพ การทำประกันสุขภาพ การทำวีซ่า ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานก็จะได้รับการต่อใบอนุญาต หากแรงงาน และนายจ้างไม่จ่าย “เงินพิเศษ” หรือ หากไม่ยอมโอนจ่ายค่าหัวคิว ระบบก็จะไม่อนุมัติ Name List ให้ ซึ่งแรงงานกัมพูชารายที่ดื้อดึงขัดขืนนั้นจะต้องรอต่อไปแบบไม่มีกำหนด และถูกดำเนินคดี 

ขณะที่ บริษัทนายจ้างให้การยอมรับสารภาพว่าส่งเงินดังกล่างผ่าน บนจ.เอส พร้อมเครือข่าย บนจ. และเพื่อนสนิทลูกนักการเมืองชื่อ ป๋อง ร่วมทั้งตัวแทนอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ชื่อ โม ซึ่งเป็นผู้ถือรหัส
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ช่วงปลายเดือน ก.ค.68 นี้ จะมีการเปิดศูนย์ CI รองรับขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนม่า  2,012,856 ราย(ประมาณ 300,000 ราย คนเก่า) เพื่อออกเอกสารรับรองบุคคล (CI) เอกสารการเดินทาง (TD) และเอกสารหนังสือเดินทาง (Passport) เพื่อรับรองสถานะบุคคลของแรงงานต่างชาติ ที่ยังไม่มีหนังสือเดินทาง หรือ เอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หรือมีเอกสารหนังสือเดินทาง หรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางหมดอายุ หรือใกล้หมดอายุ จำนวน 4 ศูนย์ ซึ่งจะมีการเก็บภาษีเมียนม่า 1,800 บาท ค่าบริการ 870 บาท รวม 2,670 บาทต่อคน ทราบว่าจะมีการเรียกส่วยเพิ่ม ประมาณหัวละ 1,500 บาท มีวงเงินส่วยถึง 450 ล้านบาท ค่างานเร็ว Calling กรม 500-600 บาท/ราย
เท่าที่ทราบช่วง ต้นปี 68 ที่ผ่านมา มีการแอบขึ้นทะเบียนคนเถื่อนหลังบ้านนอกระบบ ช่วงระบบหลัง 30 ธ.ค.67 ประมาณ 2-3 แสนคน คิดคนละ 3,500 บาท/ราย เป็นเงิน 700-1,050 ลบ.
อีกส่วน คือแรงงานเมียนม่า 2 ระบบ ทั้งคนเก่า-คนใหม่ร่วม 3,200,000 ราย ถ้านโยบายฝ่ายการเมือง จะเก็บค่า Name List 2,500 บาท/ราย และ ค่า Calling กรม 500-600 บาท/ราย ก็จะมียอดวงเงินส่วยแรงงานเมียนม่า ถึง
9,600-9,920 ลบ. ไม่รวมส่วยแรงงานเมียนม่า เข้าศูนย์ CI เร็วๆนี้
สุดท้ายตนจึงฝาก ท่าน รมว.แรงงาน คนใหม่ ควบคุม ตรวจสอบ อย่าให้เกิดขึ้น อย่าเหลิงกับเงินส่วย มันจะทำให้ท่านมึนหัว เพราะกระทรวงแรงงานมีเงินทุจริตนอกระบบเยอะมาก ซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้วมันทำลายภาพลักษณ์ประเทศอย่างมาก
โดยตอนนี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังดำเนินการอยู่ โดยส่วนใหญ่ยังข้ามไปได้แค่ฝ่ายกัมพูชาเท่านั้น แต่วันนี้ตนเอาข้อมูลฝ่ายไทยมาให้ซึ่งจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำ ซึ่งเรื่องส่วยแรงงานกัมพูชานั้นมีกุนซือใหญ่ที่เป็นอดีตข้าราชการประจำ อักษร P เจ็ก T ไอ้ป๋อง เป็นคนจัดการทั้งหมด เพราะฝ่ายการเมืองชุดที่แล้วก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ แต่ที่ทาง DSI ได้มีการตรวจสอบนั้นมี 2 ส่วน คือ ส่วนของกัมพูชา ซึ่งจะมีนายหน้าของกัมพูชา ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชาเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสมเด็จฮุน เซน
เมื่อถามถึงเส้นทางการเงินที่ DSI โยงไปนั้น นายมงคลกิตติ์ ระบุว่า สืบได้เพียงส่วนหนึ่ง โดยจะเน้นเส้นทางการเงินที่ผ่านระบบบัญชี เนื่องจากนายหน้าจากกัมพูชาไม่ค่อยรัดกุม แต่ฝ่ายไทยรัดกุมมากกว่า จึงจะไม่มีการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคาร แต่จะใช้เป็นระบบเงินสดมากกว่า
เมื่อถามถึงข้อเสนอในการมายื่นหนังสือในวันนี้ นามงคลกิตติ์ ระบุว่า ตนต้องการให้มีการตรวจสอบก่อน แล้วตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าราชการในกรมการจัดหางาน ประมาณ 2 คน ซึ่งอยู่ในระดับสูง และมีฝ่ายการเมืองด้วย แต่อาจจะต้องมีการสรุปแล้วยื่นถึง ดีเอชไอ ต่อ และที่จะให้เพิ่มเติมต่อไปคือเรื่อง ส่วย 9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นส่วยแรงงานเมียนมาร์สามล้านสองแสนคนที่จะเข้าศูนย์ CI ต่อไป