…………………#######…………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษา
คดีหมายเลขดำที่ อท 125/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อท 13/2568 ลงวันที่ 28 มกราคม 2568 กรณีการนำเอกสารหรือโพยเข้าไปในสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภา…
การนำโพยหรือเอกสารที่มีการจดหมาย… เลขของผู้สมัครอื่นเข้าไปในเขตเลือกตั้ง ตาม พระราชบัญญัติ… ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2561 มิได้มีข้อห้ามไว้โดยตรง จึงเห็นได้ว่ากฎหมายมิได้.กำหนดว่าการนำเอกสาร รวมทั้งเอกสารที่จดหมายเลขผู้สมัครอื่นเข้าไปในเขตเลือกตั้งเป็นความผิดในตัวเอง
ดังนั้น เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดห้าม หรือกำหนดเป็นความผิดไว้ผู้สมัครย่อมมี มีสิทธินำเอกสารใดเข้าไปในเขตเลือกตั้งได้
ในทางกลับกัน การห้ามมิให้ผู้สมัครนำเอกสารใดเข้าไปในสถานที่เลือกกกต. จึงจะกระทำมิได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา กกต.ได้ออกระเบียบกกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567
ข้อ 7 วรรคสอง กำหนดว่า “เอกสารแนะนำตัวตามวรรคหนึ่งจะแจกจ่ายหรือนำเข้าไปในสถานที่เลือกไม่ได้
อันหมายถึงว่ากกต…. อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ ใช้อำนาจออกระเบียบห้ามมิให้ผู้สมัครนำเอกสารแนะนำตัวเข้าไป ในสถานที่เลือกสมาชิกวุฒิสภา
แต่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนข้อ 7 วรรคสอง ของระเบียบกกต. ดังกล่าว จึงไม่มีผลบังคับ ผู้สมัครมีสิทธินำเอกสารแนะนำตัวเข้าไปในสถานที่เลือก เห็นว่า เอกสารอื่นที่ไม่มีกฎหมายห้าม หรือกำหนดเป็นความผิดไว้ ผู้สมัครก็ย่อมนำเข้าไปในสถานที่ เลือกได้
ดังนั้น เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดห้ามหรือกำหนดเป็นความ… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ ผิดไว้ ผู้สมัครย่อมมีสิทธินำเอกสารใดเข้าในสถานที่เลือกได้ การห้ามมิให้ผู้สมัครนำเอกสารใดเข้าไปในสถานที่เลือก กกต. กระทำมิได้
การนำโพยหรือเอกสารที่จดหมายเลขผู้สมัครเข้ามาในสถานที่เลือก ส.ว. ที่ศูนย์การค้า อิมแพค เมืองทองธานีกฎหมายมิได้กำหนดว่า
การนำเอกสาร รวมทั้งเอกสารที่ การนำเอกสาร รวมทั้งเอกสารที่
จดหมายเลขผู้สมัครอื่นเข้าไปในเขตเลือกตั้งเป็นความผิดในตัวเอง
อย่างไรก็ตาม กกต. ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมเลือก สว. ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม โดยศาลเห็นว่า ก่อนที่ กกต. จะมีคำสั่งใด ๆ อันจะเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิของผู้สมัครเพื่อให้คงไว้ซึ่ง ความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง นั้น
กกต. ต้องตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของเงื่อนไขว่า
“มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า” หรือ “มีเหตุอันควรสงสัยว่า” มิใช่… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ กกต. จะสามารถใช้อำนาจได้โดยไม่มีมูลฐานแห่งเหตุอันควรเพราะการใช้อำนาจต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายบัญญัติให้ อำนาจไว้เท่านั้น ก่อนการเลือก รอบที่ 2 ในระดับประเทศ กกต. ได้
อาศัยอำนาจตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ 2561 มาตรา 59 วรรคหนึ่ง ต่อมา กกต.ได้มีมติเพื่อควบคุมมิให้การเลือกมิเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม อันเป็นการป้องป้องปรามเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในสถานที่เลือกนอกจากนี้ กกต. ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ ไปดำเนินการให้เป็นไปตามที่ได้มีคำสั่งด้วยแล้ว
กรณีนี้จึงไม่อาจถือได้ว่ากกต. ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบแต่อย่างใด การมีมติของกกต.และการดำเนินการตามมติของเลขาธิการ กกต (ผู้อำนวยการการเลือกระดับประเทศ) ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าว ก็สัมฤทธิ์ผล ดังปรากฏตามคำฟ้องว่าเมื่อมีผู้ซุกซ่อนนำโพยเข้าไป
ก็ได้มีการยึดและไม่ได้ยินยอมให้มีการนำเข้าไปซึ่งเอกสารใด ๆเข้ามาในเขตเลือกตั้งในรอบที่ 2 ในการเลือกระดับประเทศ จึงเป็นการกระทำตามมติของกกต
ดร. สุกิจ พูนศรีเกษม