ทนายความทั่วประเทศ
สุดทน สภาทนายความ พนักงานอัยการ
แย่งงานทนายความในการจัดการมรดก
……………………######………………………
โดย ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม
นิติศาสตร์ดุษฎีบันทิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่อาจารย์ที่ปรึกษาร่วมและเป็นอาจารย์สอบวิทยานิพนธ์ และค้นคว้าอิสระให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ทนายความทั่วประเทศ “กว่าพันคน ” ได้ร่วมกันลงชื่อมอบหมายให้
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม มีหน้าสือถึงอัยการสูงสุด
ทบทวนถึงเงื่อนไขในการจัดการมรดก ตามประมวลกฏหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา ๑๗๑๓ ชึ่งกำหนดเงื่อนไขให้พนักงานอัยการพิจารณา
หลักเกณณ์ตามหลักกฏหมายดังกล่าว มี ๓ กรณี ประกอบด้วย ทายาทโดยธรรมหรือ “ผู้มีส่วนได้เสีย” หรือพนักงานอัยการ จะร้องขอเป็นผู้จัด
การมรดกได้ ดังต่อไปนี้
(๑) เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมสูญหาย
ไป หรืออยู่นอกอาณาเขตของผู้เยาว์
(๒) เมื่อเจ้ามรดกหรือทายาท ไม่สามารถหรือเต็มใจ ที่จะจัดการมรดก หรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งปันมรดก
(๓) ข้อกำหนดตามพินัยกรรม ไม่มีผลบังคับด้วยปราการใดๆ“
เงื่อนไขตาม(๑) จะต้องเป็นกรณีเมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมสูญหายไป นั้น ต้องเป็นกรณี อยู่นอกอาณาเขต
ของผู้เยาว์
ส่วนเงื่อนไข (๒) พนักงานอัยการไม่สามารถทำได้
ปัจจุบันการเข้ารับทำคดี ด้วยการแต่งตั้งพนักงานอัยการ ทำแบบเดียวกับทนายความ โดยยื่นคำร้องให้ตัวความเป็นผู้ร้อง กรณีดังกล่าว จึง
ไม่ใช่พนักงานอัยการผู้ร้องในฐานะตัวความ นั้น
จึงเป็นการต้องห้าม ให้พนักงานอัยการรับทำคดีผู้จัดการมรดกตามเงื่อนไขดังกล่าว
จึงขอให้ท่านอัยการสูงสุดมีหนังสือเวียนไปยังพนักงานอัยการทั่วประเทศ ให้งดการรับจัดการมรดกโดยไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น
อันเป็นการแย่งอาชีพ ทนายความ ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เหตุที่ทนายความทั่วต้องร่วมกันลงชื่อกว่าพันคน นั้น เนื่องจาก
เนื่องจาก สภาทนายความไม่ใส่ใจ ที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว ให้แก่เพื่อนสมาชิกทนายความทั่วประเทศ
จึงมอบหมายให้ข้าพเจ้ามีหนังสือถึงท่านอัยการสูงสุด ได้โปรดทบทวนเงื่อนไขดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักของกฏหมายดังกล่าว
ด้วย จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม