ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดีคุกวีไอพีจีนเทา ส่ง ป.ป.ช. เชือด “อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-เลขานุการ” ม.157
– ค้าประเวณี พบข้อมูลเชื่อมโยง ทนายชายชื่อดัง อักษรย่อ ป. มีประวัติเยี่ยมนักโทษรวมกว่าพันราย เส้นเงินหมุนเวียนมากถึงหลักร้อยล้านบาท
จากกรณีชุดปฏิบัติการพิเศษราชทัณฑ์จู่โจมบุกตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามเบาะแสนักโทษชายไทยร้องเรียนว่า มีนักโทษจีนเทาสร้างอิทธิพลอยู่ในคุก ความเป็นอยู่สุขสบาย มีเครื่องใช้ไฟฟ้าอำนวยความสะดวก ไฟแช็ก และสิ่งของมีคมใช้เป็นอาวุธ กรมราชทัณฑ์มีคำสั่งย้ายนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร พร้อมผู้คุมหลายลอตรวม 34 คน
นอกจากนี้ขณะเข้าตรวจค้นยังพบสาวสวยชาวจีนระดับนางแบบดอดเข้ามาบำเรอกามให้นักโทษชาวจีนถึงในคุก ใช้ห้องใต้บันไดเปิดเป็นห้องวีไอพี ถูกจับได้คาหนังคาเขา พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ถึงกับเต้นสั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าดำเนินการตามกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้ลงพื้นที่ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบสถานที่จุดเกิดเหตุและรวบรวมข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีสืบสวนคุกวีไอพี ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญ และจากการสืบสวน พบข้อเท็จจริงว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีเพียงแค่ในส่วนของอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เลขานุการ อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงคนกลุ่มนอกอย่างทนายชายชื่อดัง อักษรย่อ ป. ซึ่งอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ รายหนึ่ง ที่เข้ามามีบทบาทกับการจัดแจง ประสานงานการเยี่ยมญาติในส่วนของผู้ต้องขังชาวจีนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจำนวนมาก และยังมีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครรายอื่น ๆ อีกด้วย
ซึ่งหลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นความเชื่อมโยงของขบวนการดังกล่าวนี้ คือ กรณีที่ทนาย ป. มีปรากฏในข้อมูลทะเบียนประวัติการเยี่ยมญาติผู้ต้องขังชาวจีนและชาวไทยรวมกว่าพันราย และยังมีเส้นทางการเงินมากถึงหลักร้อยล้านบาทที่หมุนเวียนรับโอนเงินระหว่างกัน ทั้งในส่วนของทนายความ และบริษัทเอกชนบางแห่งที่จัดตั้งขึ้นมารับเงินตรงนี้ แต่ในส่วนของอดีต ผบ.เรือนจำฯ ไม่ได้ปรากฏเส้นทางการเงินรับโอนตรงเข้าบัญชีเจ้าตัวแต่อย่างใด มีเพียงเส้นทางการเงินที่โอนเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่คนใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ในการสอบปากคำพยานและการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่า อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีพฤติการณ์การเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องขังจีนเทาจริง โดยเฉพาะเรื่องการเยี่ยมญาติวันอาทิตย์ ซึ่งรายละเอียดระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ไม่ได้มีกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า อำนาจของ ผบ.เรือนจำฯ จะสามารถอนุญาตให้ผู้ต้องขังเยี่ยมญาติในวันอาทิตย์ได้โดยใช้สถานที่ที่ไม่ใช่สถานที่เยี่ยมญาติรับรอง จึงทำให้ อดีต ผบ.เรือนจำฯ เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และในกรณีที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตรวจพบร่องรอยนิ้วมือบุคคลที่สาม และยืนยันผลคราบอสุจิ ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า อดีต ผบ.เรือนจำฯ มีการปล่อยปละให้เกิดการค้าประเวณีขึ้นในสถานที่เกิดเหตุ ในวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดราชการ
ล่าสุดดีเอสไอ มีการสรุปสำนวนการสืบสวน กล่าวหาดำเนินคดีกับข้าราชการ 2 ราย คือ อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และเลขานุการ อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในฐานความผิด ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539
ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จึงอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวนและวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 คณะพนักงานสืบสวนจึงได้ดำเนินการส่งสำนวนดังกล่าว ไปยังสำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีกรณีพลเรือน เช่น ผู้ต้องขังจีนเทา ทนาย ป.ร่วมสนับสนุนหรือได้รับประโยชน์จากการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ ก็ให้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ดำเนินการสืบสวนต่อไป
