ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » ศรีสุวรรณบุก กกต.! ยื่นคำร้องไต่สวน ‘ธนาธร-ปิยบุตร-พิธา-ชัยธวัช’ คุม-ครอบงำ ‘พรรคประชาชน’ หลังร่วมกิจกรรม

ศรีสุวรรณบุก กกต.! ยื่นคำร้องไต่สวน ‘ธนาธร-ปิยบุตร-พิธา-ชัยธวัช’ คุม-ครอบงำ ‘พรรคประชาชน’ หลังร่วมกิจกรรม

15 December 2025
21   0

ไทยรัฐออนไลน์ – วันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน เดินทางมายื่นคำร้องเพื่อชี้เบาะแสให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.ให้ไต่สวนและสอบสวน

กรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปร่วมกิจกรรม “ปิกนิก พรรคประชาชนพบประชาชน ขอโทษจากใจ ขอไปต่อด้วยกัน” นั้น เข้าข่ายควบคุม ครอบงำ และชี้นำพรรคประชาชนหรือไม่

เนื่องจากบุคคลทั้ง 4 คน เคยถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง มีกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของพรรคการเมืองใดหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล ตามลำดับ จึงถือได้ว่าเป็นบุคคลต้องห้ามตามข้อบังคับพรรคประชาชน พ.ศ.2567 ข้อ 12(6) ประกอบมาตรา 9 (3) ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 เพราะอยู่ระหว่างการถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 98 (5) ของรัฐธรรมนูญ 2560

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่บุคคลทั้ง 4 กลับมาร่วมกิจกรรมและพูดคุยในเวทีดังกล่าวของพรรคประชาชน ซึ่งคำพูดของทั้ง 4 คนที่พูดออกมาสามารถบ่งบอกและใช้เป็นหลักฐานได้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบุคคลทั้ง 4 คนยังวนเวียนช่วยเหลือเกื้อกูลอยู่เบื้องหลังการดำเนินกิจกรรมของพรรคประชาชน มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 การสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี

อันอาจถือได้ว่าเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งขัดต่อมาตรา 29 แห่ง พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่กำหนดเป็นข้อห้ามไว้ ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 108 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 แสนบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนพรรคประชาชนก็ย่อมถือได้ว่าปล่อยให้

บุคคลซึ่งมิใช่สมาชิกมาควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคประชาชน อันอาจเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 28 ด้วย ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรคประชาชนได้ ตามมาตรา 92(3) ด้วยส่วนหาก กกต. ไม่รับพิจารณาเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเหตุผลของ กกต. แต่หลักฐานที่ตนนำมายื่นเป็นสิ่งที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ทั่วไป พฤติกรรมและคำพูดของคนทั้ง 4 ว่าเป็นการควบคุมหรือชี้นำอย่างชัดเจน ถ้า กกต. ยังไม่รับฟัง ตนก็อาจจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องเอาผิด กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ต่อ ป.ป.ช. ฐานทุจริตต่อหน้าที่และฝ่าฝืนจริยธรรม ต่อไป