วันที่ 3 พ.ย. 2568 แหล่งข่าว The Room 44 เปิดเผยเอกสาร ศาลฎีกา ยกคำร้อง สว. สำรอง ปมร้องขอให้สว. จำนวน 136 คน หยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว โดยในเอกสาร ระบุว่า”คดีเลือกตั้ง ได้แก่ผู้ร้องทั้ง 12 คน นายสุรชัย พรจินดาโชติ , นายสมจิต สุวรรณบุษย์ , นายศุภชัย มั่นใจตน , นางสาวศิริวรรณ คูอัมพร ,นายจารุดล เขมิการัศมีกุล ,นางฉัฐสุภา พงษ์เสนา ,นายรังสรรค์ สบายเมือง ,นายไพบูลย์ พัสดร ,นายธนวัฒน์ ศรีสุข ,นายสาโรจน์ สุวรรณวงศ์ , นางวราภรณ์ คัตตะพันธ์ ,นายพงศกรณ์ ตั้งกิตติ์ตระกูล
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องทั้งสิบสองอ้างว่า สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 136 คน ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศผลการเลือกไว้เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ได้กระทำเพื่อให้ตนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยวิธีการที่ไม่สุจริตและไม่เที่ยงธรรม อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 113
โดยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางฝักใฝ่พรรคการเมือง ไม่ปฏิบัติตนให้เป็นกลางทางการเมือง เช่น การลงมติในเรื่องต่าง ๆ ไปในทิศทางเดียวกันกับความเห็นของพรรคการเมืองบางพรรค การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระส่อไปในทางไม่สุจริต
เมื่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ได้ทำการสืบสวนและไต่สวนแล้วมีมติเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณา และกรมสอบสวนคดีพิเศษมีหนังสือแจ้งผลความคืบหน้าในการสืบสวนต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งมิได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 ข้อ 92
การกระทำของคณะกรรมการการเลือกตั้งเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ผู้ร้องจึงขอใช้สิทธิตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้สมาชิกวุฒิสภาตามคำร้องจำนวน 136 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว และให้คณะกรรมการการเลือกตั้งส่งเรื่องหรือความเห็นจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 เสนอต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ระเบียบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือก การดำเนินการเกี่ยวกับการเลือก และการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้งในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ซึ่งออกตามมาตรา 226 วรรคเจ็ด ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 กำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาและวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา การดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา และการเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือสิทธิเลือกตั้ง
แต่การที่ผู้ร้องทั้งสิบสองอ้างว่าใช้สิทธิยื่นคำร้องตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นบทบัญญัติในหมวด 3 นั้น การยื่นคำร้องตามมาตราดังกล่าวต้องเป็นการยื่นคำร้องที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนระหว่างการดำเนินการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในแต่ละระดับ กล่าวคือ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด หรือระดับประเทศ
ดังนั้น เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาในราชกิจจานุเบกษาแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 การยื่นคำร้องของผู้ร้องทั้งสิบสองจึงเกิดขึ้นภายหลังการประกาศผลการเลือกสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ผู้ร้องทั้งสิบสองย่อมไม่อาจยื่นคำร้องโดยอาศัยบทบัญญัติมาตราดังกล่าวได้ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งยกคำร้อง
CR: Room44



