สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา เมื่อ วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี นายวิฑูรย์ นามบุตร อดีต รองหัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส. ) จ.อุบลราชธานี สส.บัญชีแบบรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และ กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ถึง พ.ศ. 2557 เรียกเงินจากผู้เสียหาย 30 ล้านบาท
โดยอ้างว่า ในฐานะ สส.อุบลราชธานีและกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2557 สามารถวิ่งเต้นผลักดันจัดสรรงบประมาณโครงการก่อสร้างสิ่งสาธารณูปโภคของหน่วยงานรัฐซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของตนเองได้ แล้วจะแบ่งงานโครงการก่อสร้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ให้แก่ผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายจ่ายเงินเพื่อร่วมลงทุนและเป็นค่าใช้จ่ายหลายครั้งตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2556 ถึงเดือนพ.ค. 2557 รวมเป็นเงิน 29.6 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และเป็นการกระทำโดยทุจริตแล้วเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1
ส่วนจำเลย 2-5 ซึ่งเป็นเครือญาตินายวิฑูรย์ฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต ให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานแน่ชัด
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลนายวิฑูรย์กับพวกเมื่อวันที่ 12 ก.ค.2565 กรณีถูกกล่าวหากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่นและมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด กรณีเรียกรับเงิน จำนวน 30 ล้านบาท ในการร่วมลงทุนและช่วยเหลือการก่อสร้างโครงการสิ่งสาธารณูปโภคของทางราชการ เมื่อปี 2556 – 2557
@ยังมีรวยผิดปกติ 58.9 ล.อีกคดี
ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย. 2568 คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลนายวิฑูรย์ นามบุตร ในคดีร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) ปี 2554 เป็นจำนวนเงินรวม 58,900,000 บาท
แยกเป็น 3 รายการ ดังนี้
1. เงินที่นำไปใช้ในการสร้างโรงเรือน จำนวน 1 หลัง จำนวน 15,000,000 บาท
2. เงินที่นำไปมอบให้นางสาวสุคนธ์ธา หอมจันทร์ อดีตภรรยานอกสมรส เพื่อชำระค่าซื้อบ้าน จำนวน 14,300,000 บาท
3. เงินที่ได้รับมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จำนวน 29,600,000 บาท
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นควรให้ส่งสำนวนไต่สวน เอกสารหลักฐาน ให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป อย่างไรก็ตามล่าสุดศาลยังไม่มีคำพิพากษาว่ากระทำผิดตามฟ้อง
CR: สำนักข่าวอิศรา

