ข่าวประจำวัน » 1 ก.ค.อุ๊งอิ๊งระทึก !! ศาลรธน.นัดชี้ชะตา ลุ้นโดนหยุดปฎิบัติหน้าที่

1 ก.ค.อุ๊งอิ๊งระทึก !! ศาลรธน.นัดชี้ชะตา ลุ้นโดนหยุดปฎิบัติหน้าที่

23 June 2025
59   0

ศาลรัฐธรรมนูญงดประชุมคดี 1 สัปดาห์ จับตา 1 ก.ค. 2568 อาจรับคำร้องถอดถอน “นายกฯ แพทองธาร” – พิจารณาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญงดการประชุมปรึกษาคดีเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 23–26 มิถุนายน 2568 เนื่องจากศาลฯ ในฐานะประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (The Association of Asian Constitutional Courts and Equivalent Institutions: AACC) อยู่ระหว่างการจัดประชุมคณะกรรมการสมาชิกสมาคม (Board of Members Meeting – BoMM) ตามข้อบังคับของ AACC ข้อ 15

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้  กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้แทนจากสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐตุรกี สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน เข้าร่วมประชุมในรูปแบบพบหน้า (On-site) ขณะที่ประเทศสมาชิก AACC อื่น ๆ เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ (Online)

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะกลับมาประชุมปรึกษาคดีอีกครั้ง ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดถัดไปในวันที่ 1 กรกฎาคม ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ศาลจะพิจารณารับ หรือ ไม่รับคำร้องถอดถอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามคำร้องที่ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ยื่นให้ศาลพิจารณาในนามของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 36 คน

คำร้องดังกล่าวอ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 โดยระบุว่า น.ส.แพทองธาร กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) 

หากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย ยังมีความเป็นไปได้ที่ศาลจะพิจารณาว่า จะมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นการชั่วคราว ระหว่างการพิจารณาคดีหรือไม่ ตามคำร้องขอของประธานวุฒิสภา หรือไม่ 

การเคลื่อนไหวของศาลรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้าจึงอาจมีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สถานการณ์การเมืองอยู่ในภาวะเปราะบางจากแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล