สำนักข่าวอิศรารายงานว่า…
ป.ป.ช.ลงมติรับเรื่องกล่าวหาจัดทำร่าง พ.ร.บ.จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี68 แจกเงินหมื่น – รองรับสถานการณ์ภัยแล้งฝนทิ้งช่วง ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ไว้ตรวจสอบ 2 สำนวน มีชื่อ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี- เศรษฐา ทวีสิน – คณะรัฐมนตรี-สส.-สว. ทั้งคณะ เป็นผู้ถูกกล่าวหา เผยขั้นตอนหากโดนชี้มูลความผิดเสนอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายทันที
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องกรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และพวกเป็นร้อยคน จัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสอง จำนวน 2 สำนวน
โดยสำนวนแรก มีผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ 1. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี , 2. นายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3. คณะรัฐมนตรี 4. คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 5. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.)ที่ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปิงบประมาณ พ.ศ. 2568 6. เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณดังกล่าวว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งและวรรคสองกรณีปรับลดหรือตัดทอนงบประมาณรายจ่ายสำหรับส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และรายจ่ายตาม ข้อผูกพันที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย และเข้าไปมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการนำงบประมาณไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท หรือ แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ตามที่ นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบก่อนหน้านี้
ส่วนสำนวนสอง มีผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย 2. นายสาโรจน์ หงษ์ซูเวช 3. นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย 4. นายจักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 5. ผู้บริหารระดับสูงสำนักงบประมาณ ว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง กรณีมีพฤติการณ์ใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการสั่งการ บังคับ ก้าวก่าย หรือเข้าแทรกแชง ในการจัดทำงบประมาณการอนุมัติงบประมาณ การบริหารงบประมาณ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า “คดีนี้ กำหนดกรอบการสอบสวนภายใน 60 วัน ถ้าผิดจริงในสำนวนแรก ป.ป.ช.จะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีความผิด เท่ากับ ครม. น.ส.แพทองธารต้องพ้นตำแหน่งคณะ รวมถึง สส.และสว. เกือบทั้งสภาต้องพ้นจากตำแหน่งด้วย”
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติม ว่า สำหรับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 144 ระบุว่า ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจํานวนในรายการมิได้แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้
(2) ดอกเบี้ยเงินกู้
(3) เงินที่กําหนดให้จ่ายตามกฎหมาย
ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอ การแปรญัตติหรือการกระทําด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาหรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทํามิได้
ในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา มีจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เห็นว่ามีการกระทําที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสองให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระทําที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทําดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล ถ้าผู้กระทําการดังกล่าวเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้กระทําการนั้นสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทําการหรืออนุมัติให้กระทําการหรือรู้ว่ามีการกระทําดังกล่าวแล้วแต่มิได้สั่งยับยั้ง
ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตําแหน่งทั้งคณะนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตําแหน่งนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติ และให้ผู้กระทําการดังกล่าวต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย
เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจัดทําโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณโดยรู้ว่ามีการดําเนินการอันเป็นการฝ่าฝืน
บทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ให้พ้นจากความรับผิด
การเรียกเงินคืนตามวรรคสามหรือวรรคสี่ ให้กระทําได้ภายในยี่สิบปีนับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณนั้น
ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับแจ้งตามวรรคสี่ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดําเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลันหากเห็นว่ากรณีมีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดําเนินการต่อไปตามวรรคสาม และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและศาลรัฐธรรมนูญหรือบุคคลใดจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งมิได้
ส่วนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 88 ระบุว่า เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของรัฐตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสี่ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน และไม่ว่าในกรณีใดผู้ใดจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้ง มิได้
เจ้าหน้าที่ของรัฐรวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินซึ่งจัดทำโครงการหรืออนุมัติหรือ จัดสรรเงินงบประมาณโดยรู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่งหรือวรรคสอง จะพ้นจากความรับผิดตามรัฐธรรมนูญเฉพาะเมื่อได้แจ้งต่อ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะได้ดำเนินการสอบสวน การสอบสวนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด
เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนแล้วเห็นว่ามีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเร็วและให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการต่อไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสาม
ในกรณีจำเป็นและได้รับคำร้องขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. จัดให้มีการคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคหนึ่งเช่นเดียวกับการคุ้มครองพยานตามมาตรา 131
มาตรา 89 ระบุว่า การเรียกเงินคืนกรณีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม หรือวรรคสี่ ให้กระทำได้ภายในยี่สิบปีนับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณนั้น
อย่างไรก็ดี คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่มีการสรุปผลการตรวจสอบว่ามีความผิดเกิดขึ้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่