ข่าวประจำวัน » พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ

พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ

1 June 2025
63   0

พลเอกกิตติ รัตนฉายา อดีตที่ปรึกษานายก และอดีตแม่ทัพ ระบุว่า

ที่นี่ประเทศไทย #แลหลังกับแม่ทัพกิตติ

#พระมหากษัตริย์เป็นมรดกของชาติและประชาชน เข้าใจถึงเป้าหมายและความมุ่งมั่นของ “คณะประชาชนคนรักในหลวง” ในการส่งเสริมความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการเป็นคนดีตามแนวทางของพระองค์ท่านนะครับ การสื่อสารว่า “พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ” หรือ “เป็นมรดกของชาติ” เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้าใจและนำไปสู่ความจงรักภักดีอย่างยั่งยืน

การอธิบายความหมาย:* พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ: หมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์ได้สั่งสมและสืบทอดคุณค่าทางจิตใจ ความเชื่อ ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี และแบบแผนการดำเนินชีวิตที่ดีงามของชาติไทยมาอย่างยาวนาน พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเป็นศูนย์รวมแห่งความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เป็นสัญลักษณ์ของความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์ และเป็นแรงบันดาลใจในการรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของชาติ

* เป็นมรดกของชาติ: หมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสมบัติส่วนรวมของคนไทยทุกคน เป็นสิ่งที่ชาติไทยควรภาคภูมิใจ ร่วมกันรักษา และส่งต่อคุณค่าและความสำคัญนี้ไปยังรุ่นต่อไป สถาบันฯ ไม่ได้เป็นเพียงตำแหน่งทางการเมือง แต่เป็นรากฐานทางจิตใจและวัฒนธรรมที่หล่อหลอมความเป็นชาติไทยให้เป็นหนึ่งเดียว

วิธีการหรือแนวทางการสื่อสาร:การสื่อสารเรื่องนี้ต้องมีความหลากหลาย เข้าถึงง่าย และสร้างความรู้สึกร่วม ดังนี้:

1. การเล่าเรื่อง (Storytelling): * พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ: เล่าเรื่องราวที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถ พระราชอัจฉริยภาพ พระราชวิริยอุตสาหะ และพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ทรงทุ่มเทเพื่อความผาสุกของประชาชนและความเจริญก้าวหน้าของประเทศ

* ความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์: สื่อสารให้เห็นถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในการสร้างชาติ รักษาเอกราช และนำพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆ

* ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม: นำเสนอโครงการในพระราชดำริต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกด้าน

2. การใช้สื่อที่หลากหลาย: * สื่อสังคมออนไลน์: สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ เข้าใจง่าย และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ เช่น อินโฟกราฟิก วิดีโอสั้น ภาพถ่ายพร้อมคำบรรยาย

* สื่อโทรทัศน์และวิทยุ: นำเสนอสารคดี ละคร หรือรายการที่สอดแทรกเรื่องราวและคุณค่าของสถาบันพระมหากษัตริย์

* สื่อสิ่งพิมพ์: จัดทำหนังสือ บทความ หรือนิทรรศการที่ให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันฯ

* ศิลปะและวัฒนธรรม: ใช้ดนตรี ภาพวาด การแสดง หรือวรรณกรรมในการสื่อสารคุณค่าและความงดงามของสถาบันฯ

3. การมีส่วนร่วม: * กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ: จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

* โครงการจิตอาสา: ส่งเสริมให้ประชาชนร่วมกันทำความดีเพื่อสังคมตามแนวพระราชดำริ

* การศึกษา: บรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในหลักสูตรการศึกษาอย่างเหมาะสม

4. การสร้างเครือข่าย: * ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ: ทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่างๆ ในการเผยแพร่ข้อมูลและจัดกิจกรรม

* สร้างกลุ่มคนรักในหลวง: สนับสนุนการรวมกลุ่มของประชาชนที่มีความจงรักภักดีเพื่อร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์

ยุทธศาสตร์:สร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและยั่งยืนในคุณค่าและความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะ “มรดกของชาติ” ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม ประเพณี และความเป็นชาติไทย โดยเน้นการสร้างความรู้สึกร่วมและความภาคภูมิใจในหมู่ประชาชนทุกกลุ่ม

กลยุทธ์:1. สร้างการรับรู้และความเข้าใจ: เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และน่าสนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ บทบาท และพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์

2. สร้างความรู้สึกร่วมและความผูกพัน: ส่งเสริมกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

3. ปลูกฝังคุณค่าและความภาคภูมิใจ: สอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในกระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เยาวชนเติบโตขึ้นด้วยความเข้าใจและเคารพ

4. สร้างเครือข่ายความร่วมมือ: ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

ยุทธวิธี:1. การผลิตและเผยแพร่เนื้อหา: สร้างสรรค์เนื้อหาที่หลากหลายและน่าสนใจผ่านช่องทางต่างๆ ที่เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

2. การจัดกิจกรรม: จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โครงการจิตอาสา นิทรรศการ และการสัมมนาเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม

3. การใช้บุคคลต้นแบบ: เชิญผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ มาเป็นผู้ถ่ายทอดและสร้างแรงบันดาลใจ

4. การใช้เทคโนโลยี: ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการสื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์กับประชาชน

ขั้นตอนการดำเนินงาน:1. การวางแผน: กำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด กลยุทธ์ และยุทธวิธีที่ชัดเจน

2. การเตรียมการ: รวบรวมข้อมูล สร้างเครือข่าย จัดเตรียมงบประมาณและทรัพยากร

3. การดำเนินการ: ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ โดยมีการติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

4. การประเมินผล: วัดผลสำเร็จตามตัวชี้วัดที่กำหนด และนำผลการประเมินมาปรับปรุงแผนการดำเนินงานในอนาคต

แนวทางการปฏิบัติ:* ยึดมั่นในข้อเท็จจริง: นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องและตรวจสอบได้เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์

* ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย: สื่อสารด้วยภาษาที่สุภาพ ชัดเจน และเข้าถึงประชาชนทุกระดับ

* สร้างบรรยากาศเชิงบวก: เน้นการสร้างความรู้สึกรัก เคารพ และศรัทธาต่อสถาบันฯ

* เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วม: ส่งเสริมให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ

* ทำงานร่วมกับผู้อื่น: สร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับหน่วยงานและบุคคลต่างๆ ที่มีเป้าหมายเดียวกัน

การกำกับดูแลการปฏิบัติ:* กำหนดผู้รับผิดชอบ: มอบหมายความรับผิดชอบในแต่ละขั้นตอนและกิจกรรมอย่างชัดเจน

* ติดตามความคืบหน้า: มีระบบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ

* ให้คำปรึกษาและสนับสนุน: ให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินงานของผู้ปฏิบัติงาน

* แก้ไขปัญหาและอุปสรรค: มีกลไกในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น

การประเมินผลการปฏิบัติ:* กำหนดตัวชี้วัด: กำหนดตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลสำเร็จของยุทธศาสตร์ได้อย่างชัดเจน เช่น จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ระดับความรู้ความเข้าใจของประชาชน การเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความรู้สึก

* เก็บรวบรวมข้อมูล: ใช้เครื่องมือและวิธีการที่หลากหลายในการเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การสังเกต

* วิเคราะห์และประเมินผล: นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และประเมินผลตามตัวชี้วัดที่กำหนด

* รายงานผลและปรับปรุง: รายงานผลการประเมินและนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแผนการดำเนินงานในอนาคต

ปัจจัยความสำเร็จ:* ความร่วมมือ: การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน

* ความต่อเนื่อง: การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

* ความสร้างสรรค์: การนำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมที่น่าสนใจและดึงดูด

* ความจริงใจ: การสื่อสารด้วยความจริงใจและมุ่งมั่นในการสร้างความเข้าใจและความจงรักภักดีอย่างแท้จริง

* การปรับตัว: การปรับเปลี่ยนวิธีการและกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ข้อเสนอแนะ:* เน้นการสื่อสารกับเยาวชน: ออกแบบกิจกรรมและเนื้อหาที่เข้าถึงและดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อปลูกฝังความจงรักภักดีตั้งแต่เยาว์วัย

* ใช้สื่อดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ: พัฒนาเนื้อหาและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่น่าสนใจและเข้าถึงง่าย

* สร้างการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง: เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดีและการทำความดีเพื่อสังคม

* วัดผลและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ: ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

บทสรุป:การสื่อสารว่า “พระมหากษัตริย์เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ” หรือ “เป็นมรดกของชาติ” เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความจงรักภักดีอย่างยั่งยืน การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ กลยุทธ์ และยุทธวิธีที่กล่าวมาข้างต้นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยเน้นการสร้างความรู้สึกร่วม การใช้สื่อที่หลากหลาย การมีส่วนร่วมของประชาชน และการวัดผลประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ จะนำไปสู่เป้าหมายในการเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการเป็นคนดีตามแนวทางของ “คณะประชาชนคนรักในหลวง” ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในที่สุดครับ