คนแปลกหน้า : ทรัมป์
รศ.ดร. สังศิต พิริยะรังสรรค์
คนแปลกหน้าหมายถึงคนที่เราอาจได้พบเจอเป็นครั้งแรก หรืออาจเป็นคนที่เราได้พบเจอกันแล้วหลายหน แต่ก็ยังไม่คุ้นเคยพอที่จะเรียกว่า “ คนรู้จักมักคุ้น” หรือ “ คนคุ้นเคย” ความรู้สึกที่ยัง “แปลกๆ” หรือ “ แปลกหน้า” เพราะเรายังรู้สึกไม่ไว้เนื้อเชื่อใจอย่างเพียงพอนั่นเอง
คนแปลกหน้าอาจจะเป็นทั้งมิตรและศัตรูได้ในเวลาเดียวกัน และอาจไม่ใช่ทางมิตรและศัตรูได้เช่นกัน ความเป็นมิตรและศัตรูอาจเกิดขึ้นได้จากปรัชญา ความคิด จิตใจ เหตุผลทางเศรษฐกิจการเมืองด้านอัตวิสัยของตัวบุคคล และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ด้านภววิสัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ทรัมป์ได้สร้างทฤษฎีความโกลาหลขึ้นในโลก นับตั้งแต่วันแรกที่เขาได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐในวาระที่ 2 ด้วยการทำให้มิตรประเทศทั่วโลกของสหรัฐ หากไม่กลายเป็นประเทศคู่ขัดแย้งกับสหรัฐไป ก็กลายเป็นประเทศที่มองทรัมป์ หรือสหรัฐฯเหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว
ทรัมป์ทำให้มิตรประเทศของเขา เช่น อียู นาโต้ แคนาดา เม็กซิโก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดียและไทยกลายเป็นประเทศคู่ขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ กลุ่ม ผู้นำชาติอียูต่างพากันโกรธเคืองกับอัตราภาษีศุลกากรสูงลิ่วที่ถูกทรัมป์กำหนดขึ้นฝ่ายเดียว โดยปราศจากการปรึกษาหารือ อินเดียหวังว่าจะเป็นชาติแรกที่หาข้อยุติความขัดแย้งเรื่องภาษีศุลกากรกับสหรัฐได้
แต่ท้ายที่สุดจนกระทั่งถึงวันนี้ทั้งสองชาติก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ ญี่ปุ่นเป็นอีกชาติหนึ่งที่คาดหวังว่าการเจรจากับสหรัฐจะได้รับความเห็นอกเห็นใจในเรื่องของอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น แต่จนกระทั่งถึงวันนี้ญี่ปุ่นต้องพกพาความผิดหวังที่ไม่สามารถหาข้อยุติกับสหรัฐได้ นอกเหนือจากอังกฤษแล้ว จนถึงวันนี้ทุกประเทศทั่วโลกต้องพบกับความผิดหวังที่ไม่สามารถหาทางออกร่วมกับสหรัฐได้เลย นั่นหมายความว่าทุกประเทศทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความปั่นป่วน และความไม่แน่นอนทางด้านเศรษฐกิจกันต่อไป
ชาติที่เคยมีความคาดหวังกับสหรัฐเอาไว้มาก จะเป็นชาติที่มีความผิดหวังกับสหรัฐมากที่สุด เช่นเดียวกัน กลุ่มประเทศอียู ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไต้หวัน เป็นกลุ่มประเทศที่ฝันสลายกับความคาดหวังว่าสหรัฐจะทำหน้าที่เป็น “ลูกพี่”หรือ “พี่ใหญ่” ที่ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองทางด้านความมั่นคงเหมือนที่เคยเป็นมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
วันนี้ อียูเริ่มต้นคิดถึงการก่อตั้งกองทัพของอียูขึ้นเอง แทนที่จะฝันถึงการปกป้องจากกองทัพสหรัฐ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลีและอีกหลายประเทศต่างหันมาทุ่มเททรัพยากรในการพัฒนาอุตสาหกรรมทางการทหารของตนบ้าง เยอรมันเริ่มต้นส่งกองพลทหารไปให้ความ คุ้มครองประเทศลิทัวเนีย เช่นเดียวกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นพัฒนากำลังอาวุธและกองทัพของตนขึ้นอย่างเอาจริงเอาจัง
นโยบายการพึ่งพากองทัพและการพัฒนาอุตสาหกรรมทหารของตนเอง ทั้งของกลุ่มนาโต้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ มีผลต่อการนำเข้าอาวุธจากสหรัฐครั้งใหญ่ที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่เรียกพฤติกรรมของกลุ่มนาโต้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ตอบโต้ต่อสหรัฐในกรณีนี้ว่า “ การแซงชั่น” แต่ก็ไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่านี่เป็นต้นทุนของนโยบายการกำหนดภาษีอากรแต่เพียงฝ่ายเดียวของทรัป์ที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมหาศาล
ขณะนี้ ทรัมป์กับปูตินยังเป็นมิตรกันในทางการเมือง แต่ความเป็นมิตรนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย หากผลประโยชน์สอดคล้องกันก็ยังเป็นมิตรกัน หากวันใดไม่สอดคล้องกันก็อาจกลายเป็นคู่ขัดแย้ง หรืออาจพัฒนาไปถึงขั้นเป็นศัตรูกัน ทางการเมืองและการทหาร ก็ได้
วันนี้ ทรัมป์กับสีจิ้นผิงเป็นคู่ขัดแย้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและการทหาร พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือสหรัฐกับจีนขัดแย้งกันในเรื่องใหญ่ๆทุกเรื่อง ฉะนั้นก็ดี ทั้งสองคู่ยังเป็นมิตรต่อกัน แต่พวกเขาไม่ใช่เพื่อน ไม่เหมือนกับสีจิ้นผิงกับปูตินที่เป็นเพื่อน เป็นสหายศึก เป็นสหายร่วมรบ และเป็นปิยมิตรที่ดีต่อกัน
ความขัดแย้งทางด้านภาษีศุลกากรระหว่างทรัมป์กับสีจิ้นผิง อาจหาลู่ทางจัดการให้ บรรเทาเบาบางลงได้ แต่ความขัดแย้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมืองและการทหารระหว่างสองประเทศนี้ไม่สามารถแก้ไขให้ตกลงไปได้ ตราบใดที่สหรัฐยังมองว่าจีนเป็นคู่แข่งทางด้านเศรษฐกิจและด้านการทหารอยู่ ปมในใจของคนสหรัฐที่มีต่อคนจีนคือความรู้สึกเหยียดสีผิวคนจีน คนสหรัฐดูถูกเหยียดหยามชิงชังผิวสีเหลืองของคนจีนว่า เป็นชาติพันธ์ที่ต่ำต้อยกว่าผิวสีขาวของคนตะวันตก ความรู้สึกนี้รุนแรงมากเสียยิ่งกว่าความรู้สึกเกลียดชังลัทธิคอมมิวนิสต์ที่คนสหรัฐมีต่อคนจีนเสียอีก
กล่าวได้ว่า คนแปลกหน้าอาจจะเป็นคนที่เราคุ้นเคยมากๆ รู้จักเขาดีมากๆ แต่รู้สึกผิดหวังกับ ความคิด จิตใจ พฤติกรรมและการแสดงออกของเขา จนกระทั่งเราหมดความไว้เนื้อเชื่อใจ จนเขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเราไป
แต่คนแปลกหน้ายังอาจมาจากอคติทางด้านเพศสภาพ ผิวสี เผ่าพันธุ์ และชาติติพันธ์ได้ด้วย วัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ ตลอดจนถึงความเชื่อที่แตกต่างทางด้านศาสนา ล้วนแล้วแต่เป็นมายาคติที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันไป
สำหรับ ทรัมป์แล้ว ถึงแม้ว่าวันนี้ ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐได้มีคำสั่งให้ยกเลิกภาษีศุลกากรที่ทรัมป์ได้ประกาศและมีผลบังคับใช้แล้ว อาทิเช่น ภาษีศุลกากรตอบโต้ 10% ภาษีแคนาดา-เม็กซิโก 25% ภาษีจีน 20% แต่นโยบายของทรัมป์ที่สร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วน จนเกิดความระส่ำระสายไปทั้งโลกอยู่ในขณะนี้ น่าจะยังดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี 2568 นโยบายเศรษฐกิจอันแปลกประหลาด พิสดารได้สร้างให้ทรัมป์กลายเป็นคนแปลกหน้าของคนทั้งโลกไปแล้ว ไม่ว่าคำอุทธรณ์ของทรัมป์จะมีผลเช่นใดในระยะอันใกล้นี้ก็ตาม ก็คงไม่สามารถทำให้คนทั้งโลกรู้สึกไว้วางใจเขาได้อีกต่อไป เขาจะกลายเป็น “คนแปลกหน้า” สำหรับคนทั้งโลกตลอด 4 ปีของการมีอำนาจในฐานะประธานาธิบดีของสหรัฐ แต่อคติและนโยบายของเขาได้ตอกย้ำทำให้คนสหรัฐและคนจีนต้องกลายเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันตลอดไป