ข่าวประจำวัน » ศาลอุธรณ์คุกฟ้า 2 ปี !! ยกฟ้องเอมมี่ คดี 112

ศาลอุธรณ์คุกฟ้า 2 ปี !! ยกฟ้องเอมมี่ คดี 112

6 May 2025
60   0

ข่าวสดรายงานว่า…

ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 2 ปี ฟ้า พรหมศร คดี 112 รอลุ้นประกัน ยกฟ้อง แอมมี่ จากการปราศรัยและร้องเพลง หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2564

เมื่อวันที่ 6 พ.ค.68 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ถนนรังสิต-นครนายก ศาลนัดฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรีเป็นโจทก์ ฟ้องนายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ผู้ถูกกล่าวหาในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยและร้องเพลง หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2564 เรียกร้องให้ศาลปล่อยตัว นิว สิริชัย นาถึง นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งถูกจับกุมกลางดึกตามหมายจับในคดี 112

โดยในวันนี้จำเลยที่ 1 และ 2 อย่างนายพรหมศร และนายไชยอมร เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2493 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง , 9 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.2483 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง , 9วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี ฐานร่วมกันทำการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับจำเลยทั้งสองคนคนละ 200 บาท

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี คงปรับจำเลยที่ 1 เป็นเงิน 100 บาท รวมจำคุก 2 ปี ปรับ 100 บาทและจำเลยที่ 2 ปรับเงินจำนวน 200 บาท หากจำเลยทั้งสอง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกคดีอื่นนั้น ไม่ปรากฏว่าคดีดังกล่าว ศาลมีคำพิพากษาแล้วหรือไม่ และคดีนี้ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 เท่านั้น จึงนับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อไม่ได้ ยกคำขอส่วนนี้และข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ว่ามีเหตุลงโทษจำเลยที่ 1 สถานเบาหรือไม่

เห็นว่าศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 1 เหมาะสมแก่พฤติการณ์ในการกระทำความผิดแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขส่วนที่จำเลยที่ 1 ขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่าพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเป็นการแสดงออกถึงทัศนคติที่เป็นปรปักษ์ต่อสถาบัน ซึ่งเป็นสถาบันหลักของปวงชนชาวไทยและสังคมไทย

การกระทำของจำเลยที่ 1 นับเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนหรือมีเหตุอื่น ตามที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์หรือไม่ก็ตาม กรณียังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 โดยไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้นปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจกท์ว่า

จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือไม่ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยควรว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ในความผิดข้อหานี้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมานั้น ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้นพิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดข้อหาร่วมกันทำการโฆษณา โดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ให้ปรับจำเลยทั้งสองเป็นพินัยคนละ 200 บาท หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับเป็นพินัยภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้บังคับตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ.2565 มาตรา 30, 31 โทษในความผิดฐานอื่นและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น